เยียวยาจิตใจ ด.ญ.13 ปี ก่อเหตุผูกคอหนีอาย หลังครูยึดโทรศัพท์มือถือเปิดแชทส่วนตัวให้เพื่อนดู

2020-10-25 15:05:22

เยียวยาจิตใจ ด.ญ.13 ปี ก่อเหตุผูกคอหนีอาย หลังครูยึดโทรศัพท์มือถือเปิดแชทส่วนตัวให้เพื่อนดู

Advertisement

เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจเด็กหญิงวัย 13 ปี ก่อเหตุผูกคอตัวเองหวิดดับ หลังครูประจำชั้นยึดโทรศัพท์มือถือ แล้วเปิดแชทส่วนตัวให้เพื่อนๆดู ทำให้เกิดความอับอาย จึงตัดสินใจผูกคอ โชคดีญาติช่วยไว้ทัน ด้านแม่เด็กเผยต้องการให้ครูที่ก่อเหตุออกจากโรงเรียน เพราะทำกับเด็กหลายราย

วันที่ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนิตยา นวลจันทร์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล บ้านทุ่ง (รพ.สต.บ้านทุ่ง) ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ลงพื้นที่ ม.3 ต.เขาคราม เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนในหมู่บ้าน หมู่ 3 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ หลังก่อเหตุผูกคอตัวเองภายในห้องนอน แต่โชคดีที่แม่และพี่ชาย ช่วยเหลือไว้ได้ทัน รอดหวุดหวิด โดยมีนางบี อายุ 35 ปี (นามสมมติ) แม่ของ ด.ญ.เอ และญาติ นั่งรวมกลุ่มกันที่บ้าน ซึ่งจากการสอบถามสาเหตุ ทราบว่า ด.ญ.เอ เกิดความเครียดหลังครูประจำชั้นที่โรงเรียน ยึดโทรศัพท์ไป แล้วไปเปิดแชทส่วนตัวให้เพื่อนๆในโรงเรียนหลายคนดู ทำให้หลานสาวเกิดความอับอายตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พูดให้กำลังใจและให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อให้เด็กมีกำลังใจในการใช้ชีวิต พร้อมฝากไปยังญาติคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

นางบี แม่ของเด็กหญิงเอ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังตนกลับมาจากทำงานมาถึงบ้านได้ไม่นาน ก็เห็นลูกสาวมีท่าทีซึมเศร้า ก็สอบถามทราบว่าครูที่โรงเรียนของลูก ยึดโทรศัพท์ของลูกไป สาเหตุลูกเล่นโทรศัพท์ ในโรงเรียน ซึ่งตนก็ได้ปลอบใจลูก แต่ไม่คาดคิดว่าลูกจะผูกคอตัวเอง และไม่เอะใจอะไร หลังจากนั้นไม่นานลูกสาวคนเล็กวิ่งมาบอกว่าพี่สาว ผูกคอตัวเองในห้องนอนของบ้าน ตนกับลูกชายคนโตจึงรีบวิ่งเข้าไปดู ก็พบลูกสาวคือ ด.ญ.เอ ใช้เชือกผูกคอตัวเองกับขื่อของหลังคาในห้อง แต่เคราะห์ดีที่เชือกขาดตกลงมาหมดสติ จึงรีบเข้าไปช่วยอุ้มร่างลูกและช่วยชีวิตไว้ได้ปลอดภัย เมื่อลูกฟื้นจึงสอบถามลูก จนทราบว่า สาเหตุเกิดจากลูกสาวรู้สึกอับอายเพื่อนที่โรงเรียน หลังจากครูประจำชั้น ซึ่งเป็นครูผู้ชาย ยึดเอาโทรศัพท์มือถือไป แล้วนำโทรศัพท์ของลูก ไปเปิดแชทข้อความส่วนตัวให้เพื่อน ๆ ในโรงเรียนดูกันหลายคน ทำให้ลูกเกิดความอับอายและคิดสั้น ซึ่งหลังทราบเรื่อง ตนและสามี รวมทั้งญาติ ๆ ไม่พอใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงอยากเอาเรื่องครูคนนี้ให้ถึงที่สุด




นางบีเล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุสามีตนโทรไปสอบถาม ครูคุณดังกล่าวก็ปฏิเสธ แต่บอกว่าขอโทษ สามีตนบอกว่าหากจะขอโทษ ให้มาขอโทษที่บ้าน หลังจากนั้น ครูคนดังกล่าวก็เข้ามาขอโทษที่บ้าน และมอบเงินให้ 500 บาท ตนและสามีไม่รับ เบื้องต้นตนอยากให้ครูคนนี้ออกไปจากโรงเรียนก่อนไม่อยากให้อยู่โรงเรียนนี้แล้ว เพราะเคยเกิดเหตุกับเด็กนักเรียนคนอื่นมาแล้ว ตอนนี้ลูกสาวของตนไม่กล้าที่จะไปโรงเรียนแล้วหลังเกิดเหตุการณ์นี้ ส่วนที่ต้องนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย เพราะคุยกับลูกแล้ว ลูกยืนยันว่าอยากเอาผิดครูคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด

ด้าน ด.ญ.เอ กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุในโรงเรียน เป็นช่วงว่างไม่มีวิชาเรียนและลูกสาวตนก็ออกมานอกห้อง พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆเพื่อที่จะรอกลับบ้านจึงนำโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นตามปกติ แต่ระหว่างที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ครูก็เดินมาหยิบโทรศัพท์ไปจากมือ แล้วเอาไปอ่านแชทในโทรศัพท์โดยมีเพื่อนนักเรียนอีกหลายคนยืนอ่านอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกอายเพื่อนในโรงเรียนที่เห็นแชทส่วนตัว หลังจากนั้นก็ขี่รถ จยย.รีบกลับบ้านทันที ก่อนที่ครูคนดังกล่าวให้เพื่อนเอาโทรศัพท์มาคืนให้ที่บ้าน



เด็กหญิงเอ กล่าวอีกว่า ครูไม่น่าทำแบบนั้นเลย เพราะทำให้หนูอายเพื่อนๆมาก ตอนนี้ตนไม่กล้ากลับไปโรงเรียนอีกแล้ว เพราะครูคนดังกล่าวยังอยู่ที่โรงเรียน