"ราเมศ"ชี้ 4 ฝ่ายตกลงเวลาอภิปราย 26-27 ต.ค.

2020-10-25 13:40:37

"ราเมศ"ชี้ 4 ฝ่ายตกลงเวลาอภิปราย  26-27 ต.ค.

Advertisement

"ราเมศ"ระบุเวลาในการอภิปราย  26-27 ต.ค.  เป็นการตกลงกันระหว่าง 4 ฝ่าย

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการอภิปรายที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 26-27  ต.ค. ว่า การตกลงเวลาในการอภิปรายของทั้ง 4 ฝ่าย คือการตกลงร่วมกันระหว่าง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล  ฝ่ายค้าน  ส.ว. และ ครม.  เป็นการประชุมร่วมกัน เรื่องเวลาในการอภิปรายของแต่ละฝ่ายเป็นไปตามที่ได้ประชุมตกลงกัน แล้วนำกำหนดเวลาดังกล่าวแจ้งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พื่อทราบ ประธานไม่ได้มีส่วนในการกำหนดกรอบเวลาของแต่ละฝ่าย ฝ่ายค้านได้เวลาไป 8 ชม. ส่วนอีก 3 ฝ่าย ฝ่ายละ 5 ชม. ก็จะเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของทุกฝ่าย ในส่วนของญัตติตามมาตรา 165 รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดว่า ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ ครม.เห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. และ ส.ว. นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในกรณีเช่นว่านี้รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้จากหลักการดังกล่าว ไม่ได้มีแบ่งว่าจะเป็น ส.ส. ฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล หรือ จะเป็น ส.ว. สมาชิกรัฐสภาทุกคนมีสิทธิในการแสดงความเห็น เพื่อให้ข้อคิดเห็นที่เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ไม่อยากให้มองว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล สาระสำคัญคือความคิดความเห็นในการหาทางออกให้กับประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงในญัตติก็คือความจริงที่รัฐบาลยื่นมา ทางออกจากข้อเท็จจริงดังกล่าวสมาชิกรัฐสภาเห็นอย่างไรก็แสดงข้อคิดเห็นได้ เขื่อว่าถ้ามุ่งในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศรายละเอียดความจริงในญัตติไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เนื้อหาสาระในการอภิปรายเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนกรอบในการอภิปราย ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 45 ระบุไว้ชัดเช่นกัน ว่า “ ในการอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นหรือเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังปรึกษากันอยู่ต้องไม่ฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้ำซากหรือซ้ำกับผู้อื่นและห้ามนำเอกสารใดมาอ่านในที่ประชุมรัฐสภาโดยไม่จำเป็นและห้ามนำวัตถุใดเข้ามาแสดงในที่ประชุมรัฐสภา ทั้งนี้เว้นแต่ประธานจะอนุญาต ห้ามผู้อภิปรายแสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือ เสียดสีบุคคลใด และห้ามกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์หรือออกชื่อสมาชิกรัฐสภาหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น” เชื่อว่าสมาชิกทุกคนจะปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม โดยเฉพาะการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ หากมีการอภิปรายในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงไปตรงมา สังคมก็เฝ้าดูอยู่ แต่เชื่อว่าการประชุมจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี