คาดสหรัฐดับจากโควิดกว่า 5 แสนในสิ้นเดือนก.พ.

2020-10-24 14:05:33

คาดสหรัฐดับจากโควิดกว่า 5 แสนในสิ้นเดือนก.พ.

Advertisement


สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (Institute for Health Metrics and Evaluation) หรือ IHME คาดจะมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐสูงกว่าครึ่งล้านภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่หลายรัฐ โดยเฉพาะรัฐใหญ่ ๆ ที่มีประชากรจำนวนมาก ยังมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในระดับสูง ล่าสุดมีถึง 14 รัฐมีผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติใหม่สูงสุดในวันเดียว

ตามการประเมินจากแบบจำลองของบรรดานักวิจัยสถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐ คาดว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ อาจพุ่งสูงกว่า 5 แสนคนภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่หากชาวอเมริกัน 95 เปอร์เซ็นต์ พร้อมใจกันสวมหน้ากากอนามัย ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจช่วยรักษาชีวิตผู้คนเอาไว้ได้ประมาณ 130,000 คน สะท้อนข้อเสนอแนะก่อนหน้านี้ของนายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติ



การประเมินล่าสุดนี้สะท้อนความหวาดกลัวว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นลงจะทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากต้องพักอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เชื้อไวรัสโควิดแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับคำกล่าวของนายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐ ระบุว่า การติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เป็นเพราะพฤติกรรมของแต่ละบุคคล โดยบอกว่าการพบปะสังสรรค์กันในครัวเรือน เป็น “ปัจจัยหลักที่ทำให้โควิดระบาดรุนแรง”

จากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรายใหม่ทั่วประเทศสหรัฐในวันพฤหัสบดี อยู่ที่ 76,195 คน จากสถิติเดิม 77,299 คนเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม มีเพียงอินเดียเท่านั้น ที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันเดียว คือ 97,894 คนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แต่ในวันศุกร์ สหรัฐก็ทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันครั้งใหม่สูงสุดอีก โดยโครงการติดตามการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายวัน สูงถึง 83,010 คนในวันศุกร์ ขณะที่ บริษัทยายักษ์ใหญ่อย่างแอสตราเซเนกา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รื้อฟื้นการทดลองวัคซีนต้านโควิด อีกครั้งหลังได้รับอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ



เฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ 441,541 คน สูงที่สุดในรายสัปดาห์ตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคม ขณะที่ จำนวนผู้เสียชีวิตหลังจากติดเชื้อโควิด ก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 6 วันที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงต่ำกว่าช่วงการระบาดที่รุนแรงที่สุดในเดือนเมษายน ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ จำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งจนถึงวันศุกร์ มีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 41,485 คน นับเป็นสถิติที่สุดที่สุดตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม แต่ก็ต่ำกว่าในเดือนเมษายนและกรกฎาคม

การประเมินพบว่า ตราบใดที่ยังไม่มีทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และยังไม่มีวัคซีนด้วย สหรัฐจะยังคงเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสาธารณสุขจากโควิดต่อไปจนสิ้นสุดฤดูหนาว โดย นพ.คริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการสถาบัน IHME ซึ่งเป็นผู้นำร่วมวิจัย กล่าวว่า สหรัฐกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่การระบาดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่หนักมาก แบบจำลองการคาดการณ์ดังกล่าว ซึ่งพิจารณาจากอัตราผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า ยังไม่มีเหตุผลที่จะทำให้คิดว่า การระบาดของไวรัสโควิดจะหายไปโดยเร็ว และว่า ไม่เชื่อว่าสิ่งนั้นจะเป็นความจริง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ดีเบตในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กล่าวเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสว่า มันกำลังจะหายไป

การเผยแพร่การคาดการณ์ล่าสุดในวันศุกร์ เป็นครั้งแรกที่ IHME คาดการณ์ตัวเลขผู้เสียชีวิตเกินวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งคาดการณ์ในปัจจุบันของ IHME ผ่านเว็บไซต์ของสถาบัน ระบุว่า เมื่อถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะมีผู้เสียชีวิต 386,000 คน โดยรัฐใหญ่ที่มีประชากรมาก เช่นแคลิฟอร์เนีย, เท็กซัสและฟลอริดา จะมีผู้ป่วย, เสียชีวิต และต้องการทรัพยากรของโรงพยาบาลในระดับสูงเป็นพิเศษ

ประเด็นการบริหารจัดการไวรัสของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีชาวอเมริกันเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 221,000 คน และติดเชื้อกว่า 8.4 ล้านคน กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับเขาและนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งผลการสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่ พบว่า ชาวอเมริกันให้ความเชื่อมั่นนายไบเดนมากกว่าทรัมป์ในเรื่องของการจัดการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด



นพ.เมอร์เรย์ กล่าวด้วยว่า คาดว่าการระบาดจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัฐต่าง ๆ และในระดับชาติด้วย และตามที่คาด ผู้เสียชีวิตรายใหม่ในระดับสูงจะเกิดขึ้นในปลายเดือนธันวาคมและเดือนมกราคมนี้