“ศรีสุวรรณ”ลงพื้นที่บางบ่อ เผยชาวบ้านใกล้แนวท่อก๊าซระเบิดยังนอนผวา
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพความเสียหายในพื้นที่ หมู่ 4 ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ หลังจากที่เกิดเหตุท่อส่งก๊าซของ ปตท.ระเบิดเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านและทรัพย์สินของทางราชการเสียหายไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บกว่า 66 รายนั้น จากการตรวจสอบพื้นที่และพูดคุยสอบถามชาวบ้านในพื้นที่พบว่า แม้ ปตท. จะมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 5 ล้านบาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสรายละ 5 แสนบาท ผู้ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลรายละ 2 แสนบาท และผู้ได้รับบาดเจ็บที่ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รายละ 5 หมื่นบาท ส่วนบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เกิดความเสียหายจะชดเชยให้หลังจากที่มีการประเมินมูลค่าความเสียหายจากผู้เชี่ยวชาญแล้วก็ตาม แต่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากได้เงินจากการแลกกับชีวิต ไม่อยากได้เงินเพื่อแลกกับบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหาย ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่ว่าที่ใด ตามแนวท่อก๊าซของ ปตท.ทั่วประเทศ เพราะทุกครั้งที่เกิดเสียงดังขึ้นไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรจะมีความรู้สึกหวาดผวา นอนผวากันไปตามๆกัน แม้ทาง ปตท. และหน่วยงานราชการต่างๆ จะเข้ามาช่วยเหลือจัดเตรียมที่พักชั่วคราว ณ วัดเปร็งราษฎร์บำรุง จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกครัวเรือน และจัดหาที่พักรองรับในช่วงระหว่างการซ่อมแซมบ้านเรือนให้ ซึ่งถือว่ามีความรวดเร็วดีมาก
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ทั้งบนบกและในทะเลมีความยาวประมาณ 4,255 กิโลเมตร ผ่านแนวถนน แนวสายไฟฟ้าแรงสูง และผ่านชุมชนไปกว่า 30 จังหวัด ซึ่งการที่ ปตท.ระบุว่ามีระบบตรวจและบำรุงรักษาระบบท่อส่งก๊าซเป็นไปตามมาตรฐานสากล ASME B 31.8 นั้น ณ เวลานี้เชื่อถือได้หรือไม่ นอกจากนั้น ยังมีข้อสงสัยว่าเหตุท่อก๊าซระเบิดเกิดไฟโพยพุ่งออกมากว่าจะดับทำไมต้องใช้ระยะเวลาที่นานมากกว่าจะดับ ซึ่ง ปตท.อ้างว่ามีสถานีควบคุมก๊าซ (Block Valve Station) ซึ่งได้ติดตั้งอุปกรณ์ Remote Terminal Unit (RTU) และระบบสื่อสาร เพื่อต่อเชื่อมสัญญาณจากอุปกรณ์เครื่องมือวัดในสนามกับศูนย์ควบคุม ทำให้การควบคุมและติดตามการรับส่งก๊าซ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและปลอดภัยนั้นจะเชื่อถือได้เพียงใด ส่วนการวางท่อก๊าซคู่ขนานไปกับแนวสายไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.นั้น ควรจะทบทวนเสียใหม่ และตามแนวท่อก๊าซควรติดตั้งป้ายเตือนขนาดใหญ่ให้เห็นชัดๆถัดๆทุก ๆ 100 เมตรจะดีมากๆ ที่สำคัญควรเลิกแนวคิดที่จะวางท่อก๊าซและสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านหรือใกล้ชุมชน ใกล้วัด ใกล้โรงเรียนเสียที