หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่นิวยอร์ก ไทม์ส ของสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับภาษี ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์พยายามแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในจีน มาระยะหนึ่ง และจนถึงปัจจุบันยังคงมีบัญชีกับสถาบันการเงินของจีน
รายงานของหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส หรือ เอ็นวายที จากการตรวจสอบการแจ้งข้อมูลเสียภาษี ของผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน ในรอบ 10 ปีล่าสุด พบว่า ทรัมป์มีบัญชีธนาคาร กับสถาบันการเงินในหลายประเทศ ได้แก่ จีน สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ โดยบัญชีธนาคารใน 3 ประเทศดังกล่าว ไม่เคยปรากฏในรายการแสดงทรัพย์สิน ขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง นับตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 2560
บัญชีธนาคารที่จีน เปิดโดยบริษัท ทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล เมเนจเมนต์ และมีการชำระภาษีจำนวน 188,561 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี พ.ศ. 2556 - 2558 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทดังกล่าว ติดต่อธุรกิจโครงการต่าง ๆ ในแผ่นดินใหญ่
ทางด้านนายอลัน การ์เทน ทนายความบริษัท ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน ซึ่งประธานบริหารของบริษัทคือนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงรายงานของเอ็นวายที ว่า เป็นการเปิดบัญชีกับสถาบันการเงินของ 3 ประเทศ ซึ่งมีสาขาอยู่ในสหรัฐ เพื่อใช้เสียภาษี สำหรับกิจการที่มีอยู่ในประเทศนั้นๆ
แม้บัญชีธนาคารในจีน จะไม่ได้เป็นชื่อของทรัมป์โดยตรง แต่ก่อให้เกิดความสงสัยจากหลายฝ่าย เกี่ยวกับท่าทีที่แท้จริของผู้นำสหรัฐ ที่มีต่อนโยบายการค้ากับจีน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ตามที่สาธารณชนรับรู้ เต็มไปด้วยความตึงเครียด.