แม่ ป.2 หลั่งน้ำตารับคำขอโทษจากพี่ ม.3

2020-10-22 11:15:36

แม่ ป.2 หลั่งน้ำตารับคำขอโทษจากพี่ ม.3

Advertisement

รุ่นพี่ ม.3 ยกพานธูปเทียนแพ ขอโทษผู้ปกครองน้อง ป.2 โดยแม่หลั่งน้ำตารับคำขอโทษ ขณะผู้ว่าฯ ตรัง ส่ง ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง เป็นคนกลางแก้ปัญหาความขัดแย้ง

จากกรณีเกิดเหตุนักเรียนชั้น ป.2 อายุ 8 ขวบ ประจำโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ใน อ.ย่านตาขาว ที่ถูกรุ่นพี่ ม.3 ทำร้ายร่างกายด้วยการตบตีจนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ศีรษะ หลังมือ และกลางหลัง เหตุเพราะน้อง ป.2 ล้อเลียนพี่ ม.3 ว่าเป็น “กะเทย” เหตุเกิดภายในโรงเรียน วันที่ 2 ก.ย. 2563 ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุรุ่งขึ้นวันที่ 3 ก.ย.ทางครอบครัวได้พยายามติดต่อกับทางโรงเรียน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด แต่ทางโรงเรียนไม่ยอมให้ดู จนกระทั่งมาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ปกครองขอดูภาพวงจรปิดอีก แต่ทางโรงเรียนระบุว่าภาพไม่มีแล้ว เพราะถูกบันทึกซ้ำไปแล้ว และได้รับคำพูดที่ไม่ดีจากปากผู้บริหารโรงเรียน จนต้องย้ายลูกออกจากโรงเรียนดังกล่าว และเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม ทั้งจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จนสุดท้ายผู้ปกครองนักเรียน ป.2 เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับรุ่นพี่ม.3 ในข้อหา ทำร้ายร่างกาย ที่ สภ.ย่านตาขาว เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา

วันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุด ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง นายปราโมทย์ เกี่ยวพันธ์ ศึกษาธิการจังหวัดตรัง ได้เรียกผู้บริหารโรงเรียนวัดนิกรรังสฤษฎ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนใน อ.ย่านตาขาว นำโดยนายอำนวย เชยชื่นจิตร ผอ.โรงเรียนฯ ผู้บริหารโรงเรียนคนอื่นๆ ผู้ปกครองนักเรียนพี่ ม.3 คู่กรณี และนางวรรดี แม่น้อง ป.2 เพื่อหวังไกล่เกลี่ยปัญหา เพราะหวั่นคดีจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทั้งนี้ หลังนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ทราบเรื่อง ซึ่งเกรงว่าการเจรจา ระหว่าง 3 ฝ่าย โดยมีศึกษาธิการจังหวัดตรัง เป็นคนกลาง จะไม่สำเร็จเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จึงได้มอบหมายให้ นายภานุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง พร้อมด้วยฝ่ายนิติกร เป็นตัวแทนผู้ว่าฯ เข้าเป็นคนกลางแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยตนเอง ร่วมกับศึกษาธิการจังหวัดตรัง โดยเรียกคนที่เกี่ยวข้องที่สุดเท่านั้น เข้าร่วมวงเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหา ท้ายที่สุด ก็สามารถตกลงกันได้ โดยผู้ปกครองของพี่ ม.3 จ่ายค่าทำขวัญให้ครอบครัวจำนวนเงิน 10,000 บาท พร้อมกับกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการ จากผู้ปกครองรุ่นพี่ และคำขอโทษจากทางโรงเรียน โดยทางคุณแม่น้อง ป.2 ก็ยอมรับคำขอโทษ โดยกล่าวว่า น้าขอให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้ข้อคิดรุ่นพี่ ม.3 ว่า ให้รู้จักควบคุมอารมณ์ มีสติ เพื่อจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีอนาคตที่สดใส หากวันข้างหน้าเจอเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านี้ ให้ใช้สติและนึกถึงพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ก่อนการตัดสินใจ ขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียน อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินและแก้ไขปัญหา พร้อมกล่าวขอบคุณทุกฝ่าย ที่มีส่วนร่วมหาข้อสรุปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้คุณแม่ไม่ได้ติดใจอะไร และยอมรับการขอขมาแล้ว




ด้าน นายปราโมทย์ เกี่ยวพันธ์ ศึกษาธิการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากกรณีที่พี่ ม.3 ทำร้ายร่างกายน้อง ป.2 วันนี้ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง ได้เชิญผู้ปกครองของรุ่นพี่ ม.3 ผู้ปกครอง ของรุ่นน้อง ป.2 และตัวแทนโรงเรียน โดยมีศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง ทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน วันนี้ได้รับความร่วมมือด้วยดีทุกฝ่ายมีความเข้าใจกันและให้อภัยกัน ทางรุ่นพี่ม.3 และผู้ปกครองของรุ่นพี่ม.3 ขอโทษคุณแม่น้อง ป.2 ทางโรงเรียน โดยรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับครอบครัวน้อง ป.2 โดยคุณแม่ของน้อง ป.2 ยอมรับคำขอโทษ และทุกคนต้องอยู่ร่วมกันในสังคม สำหรับเรื่องค่าทำขวัญผู้ปกครองของนักเรียน ม.3 ได้จ่ายค่าทำขวัญตามสมควรตามสภาพ ทั้งนี้คุณแม่น้อง ป.2 น้อมรับคำขอโทษและค่าทำขวัญ ทางศึกษาธิการให้ผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย ตลอดทั้งโรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยดี

ส่วนทางด้านคุณป้า รุ่นพี่ ม.3 กล่าวว่า ดีใจที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน เด็กทั้งสองฝ่ายได้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น โดยเรื่องนี้ ความจริงโรงเรียนมีส่วนต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรง เพราะเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในโรงเรียนไม่ได้เกิดที่บ้าน วันนี้รู้สึกมีความสุขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมฝากไปถึงโรงเรียนว่า สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ สภาพจิตใจของเด็ก เพราะเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่ทราบสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ขาดความไตร่ตรอง ขาดความรอบคอบ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ฝ่ายรุ่นพี่ ม.3 ถูกรุ่นน้องล้อเลียนมายาวนานนับเดือน และได้ไปบอกกับคุณครูประจำชั้น ทางโรงเรียนเมื่อทราบเรื่อง ควรมีมาตรการป้องกัน เช่น การคาดโทษหรือการตักเตือน ตามที่โรงเรียนเห็นสมควร โรงเรียนต้องรับผิดชอบเบื้องต้น อย่ากล่าวโทษว่าใครผิดใครถูก เพราะเด็กยังไม่รู้ว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร เรื่องที่เกิดขึ้นโรงเรียนควรให้จบที่โรงเรียน ไม่ควรปล่อยให้เวลายืดยาวจนกระทบจิตใจทั้งสองฝ่าย กระทบความรู้สึกของทุกฝ่าย ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันแก้ปัญหาจนนำมาสู่การเข้าใจซึ่งกันและกัน คุณแม่น้อง ม.3 พอใจที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน เด็กทั้งสองฝ่ายได้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น และต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันแก้ปัญหาจนนำมาสู่การเข้าใจซึ่งกันและกัน



อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดคุยตกลงปัญหากันได้ ทางคุณแม่น้อง ป.2 อายุ 8 ขวบ ได้เดินทางไปที่ สภ.ย่านตาขาว เข้าพบกับ พ.ต.ท.สาโรจน์ ช่องรักษ์ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เพื่อถอนแจ้งความในทันที