ไม่รู้ไม่เห็นหมายใดๆ "หนิง ปณิตา" ไม่แน่ใจ "ไฮโซแชมป์" จ่อฟ้องเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ??
หลังจากมีข่าวลือออกมาว่าสาว "หนิง ปณิตา" มีชื่ออยู่ในลิสต์ที่ "ไฮโซแชมป์" เตรียมยื่นฟ้องออกมาให้ได้เห็นตามข่าวต่างๆ จากกรณีที่นำเสนอข่าวในรายการเกี่ยวกับเรื่องการทำร้ายร่างกาย "รัศมีแข" เมื่อเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดพอได้เจอสาวหนิงเลยสอบถามถึงเรื่องนี้ได้ความว่า
ไฮโซแชมป์ฟ้องหนึ่งในคนดังที่มีชื่อหนิงปณิตาด้วยในกรณีของรัศมีแข ?
ในส่วนตรงนี้ต้องบอกว่าหนิงยังไม่เห็นในส่วนของหมายเรียกมา ถามว่ารู้สึกยังไงหนิงต้องเรียนว่าการที่มีการนำเสนอข่าวอะไรก็แล้วแต่ เราไม่แน่ใจเพราะทางคุณแชมป์เองก็ไม่ได้ออกมาพูดว่าเขาจะฟ้องใคร เขาไม่ได้ออกมาสัมภาษณ์อะไร มันเป็นข่าวที่ถูกเขียนขึ้นมา ซึ่งเราไม่รู้จริงๆ ว่าคุณแชมป์เขาทำแบบนั้นแล้วหรือเปล่า ในส่วนหนิงเองก็ยังไม่ได้รับหมายศาลหรือหมายเรียกอะไรนะคะ
เรามีถามเพื่อนๆ ไหมเพราะมดดำก็มีลิตส์รายชื่อ ?
มีการคุยกันนะคะ แต่ว่าโดยดีเทลยังไม่มีใครเห็นหมาย เธอยังไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไง
ถ้าหากหมายศาลมาหลังจะดำเนินการยังไง ?
จะดำเนินการยังไงต่อถ้าหมายส่งมา คงต้องดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายที่ต้องทำ จะต้องไปชี้แจง เราคงต้องทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่ได้จะหนี
เราสงสัยมั้ยตรงไหนที่ทำให้เขาฟ้อง ?
สงสัยมั้ย อาจจะด้วยที่เราทำงานอยู่ในวงการแล้วก็มีการอ่านข่าว มีการเล่าข่าว ซึ่งเราก็ยังไม่ได้ยินจากปาก ฝั่งคุณแชมป์เองก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรสำหรับตัวหนิงเอง
คือคิดว่าเป็นแค่ข่าว ?
จริงๆ เรื่องของคดีความมันมีเรื่องพัวพันกันมาตั้งแต่ 8 ปีที่แล้วกับคุณน้ำหวาน ซึ่งวันนี้หนิงเองกับคุณน้ำหวานคือเคลียร์หมดล่ะ มันจบแล้ว
คือนานมากแล้ว ?
ไม่ได้นานมากค่ะ คดีความทั้งหมดมันก็เป็นมาตั้งแต่เมื่อแปดปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดศาลอาญาก็มีการตัดสินเรียบร้อย แล้วก็มีขึ้นในส่วนของศาลแพ่ง ซึ่งผลสรุปเป็นยังไงคือหนิงถอนฟ้องทั้งหมดค่ะ เพราะสำหรับตัวหนิงเองมันมีเรื่องราวที่ทำให้เวลาที่จะต้องขึ้นศาล หรือ เวลาที่เราจะต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องราวที่มันผ่านมาแล้ว มันเหมือนเป็นพลังงานลบๆ ในใจเราก็ว่าได้ แล้ววันนี้เหมือนเราโตขึ้น เราเป็นแม่คน เราต้องสอนลูกต้องดูแลน้องๆมันมีอะไรหลายๆ อย่างที่เรารู้สึกอยากหลุดจากสิ่งเหล่านี้ จริงๆ พูดแล้วมันก็เหมือนนางเอก มันเหมือนนางฟ้า มันก็ไม่ได้ง่ายหรอกนะที่จะทำให้ทุกอย่างมันหลุดจากสิ่งเรานี้ที่เราเคยเจอมา ถามว่าเราคิดว่าโอเคเราปลดล็อกมัน ความรู้สึกเราก็มีความสุข และเราก็สบายใจ คือเรื่องมันผ่านไปแล้ว มันถูกตัดสินไปแล้ว มันไม่จำเป็นจะต้องมาเอาถูกเอาผิดกัน แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรดีขึ้นมากับชีวิต แต่พอมันปลดล็อกไป ก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเราสบายใจ เจอหน้าคุณน้ำหวานเองก็รู้สึกสบายใจ
สามารถคุยกันได้ใช่มั้ย ?
ถามว่าคุยกันได้ไหมก็คุยกันได้ค่ะ เพราะว่าเมื่อวันที่เคลียร์กันเป็นอะไรที่จบกันด้วยดีทั้งสองฝ่าย
วันนี้เราไม่ได้ติดใจอะไรแล้วใช่ไหม ?
สำหรับตัวหนิงเองอย่างที่บอกว่าหนิงมีจุดที่ หนิงรู้สึกว่ามีบางอย่างติดใจ ในส่วนที่หนิงรู้สึกติดใจทางน้ำหวานเองก็มีส่วนที่ทำให้รู้สึกว่าหนิงสบายใจ พอสบายใจก็ทำให้มันปลดล็อก แต่ทั้งหมดทั้งมวล หนิงต้องบอกว่ามันต้องใช้เวลาเนอะ แต่พอเวลามันปลดไปได้เนี่ย มันคือดี ดีสำหรับเราด้วย ดีสำหรับทุกๆ ฝ่ายด้วย
ไม่อยากกลับมาอยู่ในวังวนแบบนี้อีก ?
อันนี้หนิงเชื่อได้ว่าไม่มีใครหรอกอยากจะมาอยู่ในวังวนตรงนี้ อยู่ในวังวนตรงนี้มันไม่ใช่แค่ตัวเราทุกข์ คนรอบข้างเราก็ทุกข์ไปด้วยที่สำคัญคือถามว่าเอาชนะกันแล้วสุดท้ายมันได้อะไร แล้วมันก็เอาชนะกันไปเรื่อยๆ แล้วกลายเป็นว่ายิ่งผูกความแค้น ผูกความอยากจะเอาชนะ มันเข้าไปเยอะๆ แต่ถ้าเราสามารถปลดมันออกมาได้ ถามว่ามันต้องใช้เวลามั้ยมันก็มีกระบวนการในเรื่องต่างๆ ที่เป็นดีเทลซึ่งขอหรือญาติเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะไม่พูดแล้วกันว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่ทั้งหมดทั้งมวลบอกเลยว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เราตัดสินใจแบบนี้คือลูกเรา วันนี้เราเป็นแม่คนเราจะสอนลูกเรายังไงในอนาคต เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีหลายๆ อย่างให้เขาก่อน
ถ้าวันข้างหน้ามีหมายจากแชมป์จะรับมือสู้ยังไง ?
เอาจริงๆ วันนี้อย่าใช้คำว่าจะสู้กันเลยดีกว่า หรือใช้คำว่าสู้กันนะ วันนี้ไม่ว่าจะตรงไหน ตอนนี้มีสู้กันทั้งนั้น เอาเป็นว่าถ้ามันเกิดอะไรขึ้น เราก็ดำเนินการในส่วนที่เราต้องดำเนินการ แล้วก็ชี้แจงในส่วนที่เราต้องชี้แจงดีกว่า คงไม่ถึงขั้นจะเอาชนะหรือว่าเขาฟ้องมาจะฟ้องกลับ ก็คือไม่สมมติว่าถ้าจะถูกฟ้องมา เราก็ชี้แจงแล้วก็ เนินการในส่วนของเราแค่เท่านั้นก็พอ
เรามีสายตรงถามไหมว่าฟ้องหรือเปล่า ?
ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามีโอกาสเจอกันก็คุยกันดีกว่า
