ผบ.ตร.แจงชัดปัดสั่งปิด"สื่อ"เสนอข่าวการชุมนุม

2020-10-19 16:15:29

ผบ.ตร.แจงชัดปัดสั่งปิด"สื่อ"เสนอข่าวการชุมนุม

Advertisement

ผบ.ตร. ปัดสั่ง กสทช. ปิด "สื่อ" เสนอข่าวม็อบ ย้ำมีสิทธิเผยแพร่แต่ห้ามบิดเบือนข้อมูล หรือชี้นำ ปชช.

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีการออกคำสั่งฉบับที่ 4 เรื่อง การระงับการออกอากาศสื่อ 5 แห่ง ว่า การออกคำสั่งดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึง กสทช. ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ข้อกำหนดต่างๆ สำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการสั่งระงับเนื้อหาบางส่วนของสื่อที่มีการเผยแพร่ในช่วงสถานการณ์การชุมนุมอันจะก่อให้เกิดความไม่สงบ โดยยืนยันว่ายังไม่ได้เริ่มมีผลบังคับใช้ และไม่ได้เป็นการปิดสื่อหรือสั่งจอดำแต่อย่างใด เพราะหลักเกณฑ์ที่จะใช้พิจารณา คือ สื่อมวลชนจะต้องนำเสนอเฉพาะข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือหากมีการใส่ความคิดเห็นจะต้องเป็นความคิดเห็นที่สุจริต ห้ามบิดเบือนข้อมูล คาดการณ์ หรือชี้นำ เช่น กรณีการถ่ายทอดสด สื่อมวลชนสามารถทำได้ และผู้สื่อข่าวเห็นว่าผู้ชุมนุมกำลังวิ่งหนี แต่บรรยายว่าผู้ชุมนุมวิ่งหนีกระสุนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ก็จะเข้าข่ายบิดเบือน เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เกิดความรุนแรงมากขึ้น กรณีนี้ก็จะถูกระงับเฉพาะเนื้อหาดังกล่าว และเรียกสื่อรายดังกล่าวหรือต้นสังกัดมาชี้แจง โดยตำรวจจะพิจารณาถึงเจตนาของผู้สื่อข่าว โดยหากพบว่ามีความพยายามจะแก้ไขเนื้อหาให้ถูกต้องก็จะถือว่าไม่มีความผิด แต่หากกระทำผิดซ้ำเดิมก็จะถูกนำมาพิจารณาเพื่อดำเนินการเช่นกัน

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับการบังคับใช้กฎหมายในประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในสื่อออนไลน์อย่างรวดเร็ว จึงขอให้สื่อมวลชนควรระมัดระวังการนำเสนอข่าวในสภาวะที่ไม่ปกติ และจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษมาบังคับ รวมถึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแลทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนกรณีที่มีกลุ่มบุคคลเข้าไปขว้างปาทำลายป้อมตำรวจ บริเวณแยกบางนา เมื่อวานนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นนักศึกษาจาก 2 สถาบันที่ร่วมเข้ามาชุมนุม ซึ่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้มึนเมา จนทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันก่อนไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ 1 วันเคยมีความขัดแย้งกันในลักษณะดังกล่าว และขว้างปาสิ่งของใส่ป้อมตำรวจแต่ไม่เสียหาย พร้อมยืนยันไม่ใช่เป็นการสร้างสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่มีปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเบื้องต้นตำรวจ สน.บางนา ทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว และอยู่ระหว่างขอศาลออกหมายจับมาดำเนินคดีไปตามกฎหมาย




พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายการชุมนุมผ่านแอพพลิเคชั่นเทเลแกรม ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว และได้ส่งเรื่องให้กระทรวงดิจิทัลฯ และ กสทช. พิจารณาดำเนินการ ขณะที่การชุมนุมในแต่ละวันซึ่งมีการนัดรวมพลแบบดาวกระจาย ตำรวจจะดูแลการชุมนุมไปตามสถานการณ์ พร้อมยืนยันยังไม่มีการยกระดับมาตรการป้องปรามผู้ชุมนุมในขณะนี้ และไม่ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยจะเน้นเรื่องความสงบเรียบร้อย อีกทั้งที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมแบบกำหนดเวลา จึงส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวมไม่มากนัก แต่ถ้ามีการจัดในหลายพื้นที่ทำให้มีผลกระทบอีกรูปแบบ ซึ่งไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ขอให้ผู้ชุมนุมทราบว่า การชุมนุมยังถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งมีผลอยู่ในขณะนี้





ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพข้าวกล่องของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนซึ่งมีปริมาณน้อย ว่า ในเรื่องของสวัสดิการตำรวจ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลและสำนักงานส่งกำลังบำรุงไปดูแลแล้ว หากอาหารไม่มีคุณภาพก็จำเป็นต้องเปลี่ยนร้านค้า และเตรียมลงไปตรวจเยี่ยมกำลังพลในเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการทุจริตเบี้ยเลี้ยงตำรวจอย่างแน่นอน หากพบก็จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดโดยขอให้ยึดกรณีทุจริตเบี้ยเลี้ยงตำรวจช่วงโควิด-19 มาเป็นตัวอย่าง นอกจากนี้ยังมีประเด็นภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจชู 3 นิ้วต้องขอรอฟังคำชี้แจงของตำรวจนายดังกล่าวก่อน เพราะบางคนอาจทำด้วยความคึกคะนอง บางคนอาจทำด้วยความเห็นด้วย แต่บางคนทำเพื่อลดความรุนแรง หรือลดอารมณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม จึงต้องรอฟังความคิดเห็นก่อน ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าตำรวจนายดังกล่าวทำผิดระเบียบหรือไม่