ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระบุยังไม่มีการสั่งปิด หรือ จำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน แต่มีการตรวจสอบบางสื่อที่มีการกระทำลักษณะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยืนยันว่า คำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 เรื่อง ให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังไม่มีการบังคับใช้ เพียงให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการตรวจสอบรายการบางส่วนของ วอยซ์ ทีวี หรือ สื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ Voice TV ประชาไท Prachatai.com The Reporters และ THE STANDARD และ เยาวชนปลดแอก Free YOUTH เนื่องจาก ได้รับการร้องเรียนว่า ปรากฏว่า มีการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรมอันดีของประชาชน ยืนยัน ไม่มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน หรือ สั่งปิดสื่อแต่อย่างใด เพียงเป็นการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้น พร้อมกันนี้ ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการสื่อ เพื่อตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ หากข้อมูลข่าวสารที่กระทบความมั่นคง ถ้าผู้กระทำเป็นบุคคล ก็จะเรียกมาตักเตือนก่อน แต่หากผิดกฎหมาย จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่หากเป็นข่าวปลอม ก็จะให้หน่วยงานที่มีอำนาจ ดำเนินการไปตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา มีการชุมนุม 3 พื้นที่หลักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกอโศกมนตรี และถนนสุขุมวิท แยกอุดมสุข ถึงแยกบางนา โดยตำรวจจัดกำลัง 12 กองร้อย ดูแลความปลอดภัย นอกจากนี้ ในช่วงการชุมนุมได้มีการดำเนินคดีผู้กระทำผิดรวมแล้ว 74 คน ซึ่งจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ส่วนผู้ที่ก่อความวุ่นวายบริเวณสุขุมวิท 103 ถึงแยกบางนา หลังมีเลิกการชุมนุมเมื่อวานนี้ จะมีการออกหมายจับ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมในวันนี้ เตรียมกำลังเบื้องต้นไว้ 12 กองร้อยเช่นเดิม โดยจะเน้นดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม ป้องกันมือที่สามสร้างความวุ่นวาย ส่วนการสลายการชุมนุม พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.จะเป็นผู้พิจารณาสั่งการ
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า พบเพจข่าวออนไลน์ มีการนำคลิปเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 16 ต.ค. มาถ่ายทอดซ้ำ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ว่ามีเหตุปะทะกันอีกครั้ง ถือเป็นการนำเข้าข้อมูลที่บิดเบือน ก็จะมีการความแจ้งความดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์