ที่ปรึกษาแย้ม 'ทรัมป์' อาจขัดจังหวะน้อยลงในการดีเบตรอบสุดท้ายพฤหัสบดีนี้

2020-10-19 07:05:14

ที่ปรึกษาแย้ม 'ทรัมป์' อาจขัดจังหวะน้อยลงในการดีเบตรอบสุดท้ายพฤหัสบดีนี้

Advertisement

ที่ปรึกษาด้านการหาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจลดการขัดจังหวะลง ในการโต้อภิปราย หรือ ดีเบต รอบสุดท้าย กับนายโจ ไบเดน คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ในวันพฤหัสบดีนี้

ในการดีเบตรอบแรกเมื่อวันที่ 29 กันยายน ประธานาธิบดีทรัมป์และนายไบเดนต่างขัดจังหวะกันและกัน ทำให้เกิดบรรยากาศที่นักวิเคราะห์บางคนเรียกว่า "การโต้อภิปรายที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ"

คริส วอลเลซ นักข่าวอาวุโสผู้ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการในการดีเบตครั้งนั้น ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ ขัดจังหวะนายไบเดนและตนเองทั้งหมด 145 ครั้ง ระหว่างการดีเบตที่ใช้เวลาราว 90 นาที




นายเจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาของ ปธน.ทรัมป์ กล่าวกับรายการ Fox News Sunday ว่า ในการดีเบตรอบสุดท้าย เชื่อว่าปธน.ทรัมป์ จะเปิดโอกาสให้นายไบเดนได้อธิบายตัวเองและประเด็นต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับรายงานที่มีการกล่าวหานายไบเดนและบุตรชาย ฮันเตอร์ ไบเดน กับข่าวอื้อฉาวเรื่องการคอร์รัปชันในยูเครน ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวระหว่างงานปราศรัยหาเสียงในหลายรัฐว่า ครอบครัวไบเดนคือครอบครัวของผู้กระทำผิดกฎหมาย และกล่าวหาถึงการทำธุรกิจที่ฉ้อฉลของนายฮันเตอร์ ไบเดน ทั้งในยูเครนและจีน ในขณะที่ โจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ



นายมิลเลอร์ กล่าวด้วยว่า ปธน.ทรัมป์ จะใช้โอกาสนี้สอบถามนายไบเดนว่า หากเขาชนะเลือกตั้ง เขามีแผนจะเพิ่มจำนวนผู้พิพากษาในคณะตุลาการศาลสูงจากที่มีอยู่ 9 คนในขณะนี้หรือไม่ หากว่าวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรองให้ผู้พิพากษาเอมี คอนีย์ แบร์เร็ตต์ ได้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลสูงคนใหม่ก่อนวันเลือกตั้งที่ 3 พ.ย. ซึ่งจะทำให้มีผู้พิพากษาที่สนับสนุนแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากกว่าหัวก้าวหน้าในอัตรา 6 ต่อ 3 ในคณะตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการจัดการโต้อภิปรายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการดีเบตรอบที่สองของผู้สมัครทั้งสองคน หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันไม่เข้าร่วมในการดีเบตแบบออนไลน์ดังกล่าว

การโต้อภิปรายรอบสุดท้ายในวันพฤหัสบดีนี้ มีขึ้นในขณะที่ประชาชนอเมริกันจำนวนมากในหลายรัฐต่างเดินเข้าคูหาเลือกตั้งล่วงหน้า โดยคาดว่ามีจำนวนมากกว่า 25 ล้านคนซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ