"บุญเกื้อหนุน"เข้ามอบตัวปัดจงใจขวาง"ขบวนเสด็จ" (คลิป)

"บุญเกื้อหนุน" ยันไร้เจตนาเข้าขัดขวาง "ขบวนเสด็จ" ชี้ ตร.งัด ม.110 ดำเนินคดี ไร้ความยุติธรรม

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือ ฟรานซิส นักกิจกรรมทางการเมือง พร้อมทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ดุสิต หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 วรรค 2 โดย นายบุญเกื้อหนุน ระบุว่า การที่ตนเข้ามอบตัวในครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้กระทำผิดในข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยสิ่งที่ตนได้กระทำในการชุมนุมวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ต้องการเพียงให้การชุมนุมเกิดขึ้นโดยสงบ ยืนยันว่าตนเป็นคนถือโทรโข่งจริง แต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ว่าจะมีขบวนเสด็จผ่านมาบริเวณที่มีการชุมนุม เมื่อตนทราบว่าขบวนเสด็จกำลังจะผ่านมา ตนมีความตั้งใจที่ถอยห่าง พร้อมประกาศให้ผู้ชุมนุมเปิดทางขบวนเสด็จ ส่วนการแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วเป็นการแสดงออกของผู้ชุมนุมตามปกติอยู่แล้ว ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ ต้องขอปรึกษากับทนายความก่อน สำหรับการนำกฎหมายมาตรา 110 มาใช้ในครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ หรือถ้าหากเคยเกิดขึ้นก็คือในสมัยรัชกาลที่ 8 ซึ่งการนำกฎหมายดังกล่าวมาบังคับใช้กับตนถือว่าไม่มีความยุติธรรม เพราะตนไม่มีเจตนาที่จะกระทำการดังกล่าว

ด้าน นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความ กล่าวว่า ข้อกล้าวหาดังกล่าวถือว่ามีอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา แต่ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยเห็นการนำมาบังคับใช้ หากฟังจากข้อเท็จจริงจากผู้ถูกกล่าวหาจะทราบว่า ในวันเกิดเหตุไม่ได้มีการปิดกั้นเส้นทางขบวนเสด็จ แต่เป็นเพียงการชุมนุมตามปกติ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักชุมนุมมาก่อนหน้านี้ และกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ทราบมาก่อนว่าเส้นทางดังกล่าวจะมีขบวนเสด็จ จึงยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาประทุษร้ายหรือขัดขวางแต่อย่างใด สำหรับโทษคดีดังกล่าวหากเป็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 ในข้อกล่าวหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 16-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต แต่หากเป็นแค่ข้อกล่าวหาขัดต่อสิทธิเสรีภาพตามประมวลกฎหมายคดีอาญามาตรา 309 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี อย่างไรก็ตามคาดว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจคัดค้านการประกันตัวแล้วนำตัวไปฝากขังที่ศาล ซึ่งคาดหวังว่าจะได้รับการประกันตัวในชั้นศาลต่อไป