ประธานอนุ กมธ. ชี้เสียงข้างมากยันตั้ง ส.ส.ร.ไม่ขัด รธน. ทำประชามติก่อนทูลเกล้าฯ
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่รัฐสภา นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการธิการ (กมธ.) พิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมาย ในกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก่อนรับหลักการ รัฐสภา กล่าวก่อนการประชุมว่า การประชุมวันนี้ทางอนุ กมธ.จะรายงานต่อ กมธ.ชุดใหญ่ โดยเสียงข้างมากในอนุกมธ.เห็นว่าประเด็น มาตรา 256 ไม่ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติใดที่ห้ามการที่จะพิจารณาให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)มายกร่าง และการที่บัญญัติไว้ในมาตรา256(8) ว่าการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญสามารถที่จะดำเนินการแก้ไขได้ โดยหากมีการแก้ไขใน(8) ก็ต้องไปทำประชามติ ซึ่งการออกเสียงประชามติใน(8)บัญญัติไว้เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเดิมไม่เคยมี คือหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไปถามประชามติ ซึ่งการดำเนินการได้ดำเนินการให้คล้องกับคำวินิจฉัยที่18-22 /2555 ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งวินิจฉัยรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ศาลวินิจฉัยว่าการทำประชามติจะทำเพียงในสภาไม่ได้ต้องไปถามประชาชน เพราะอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ดังนั้นในรัฐธรรมนูญปี 2560 เมื่อต้องลงประชามติก็ถือว่าเรากลับไปหาผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราดำเนินการตามบทบัญญัติใน มาตรา 256 ที่มีการเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม และการลงประชามติในรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ดำเนินการทำเมื่อผ่านวาระที่ 1,2และ 3 แล้ว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำร่างรัฐธรรมนูญทูลเกล้าฯ ไม่สามารถดำเนินการก่อนที่รัฐสภา จะพิจารณาก่อนรับหลักการได้”นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร กล่าวว่า ส่วนเสียงข้างน้อยในอนุกมธ. ที่เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)มาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะไม่มีบทบัญญัติรับรอง และการออกเสียงประชามติ ถ้าวินิจฉัยตามศาลรัฐธรรมนูญก็ควรทำประชามติก่อนที่รัฐสภาจะพิจารณารับหลักการด้วย โดยการให้รัฐบาลขอเสียงประชามติ ด้วยการจัดรับฟังความเห็นผ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 ซึ่งอนุกมธ. ก็จะเสนอให้กมธ.ชุดใหญ่รับทราบด้วยเช่นกัน ส่วนการตัดสินใจลงมติ จะขึ้นอยู่กับที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา อย่างไรก็ตามการทำประชามติจะต้องถามคำถามเดียวว่าร่างนี้ประชาชนเห็นเป็นประการใด ถ้าไม่เห็นด้วยก็ตกไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการทำประชามติจะไม่ทันกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น เพาะกฎหมายประชามติยังไม่มีเลย
สิ่งที่ต้องรายงานอีกอย่างคือ การแก้ไขเพิ่มเติมโดยส.ส.ร.จะทำให้การแก้ไขเพิ่มเติมนั้น มีเหตุในกรณีที่ส.ส.ร.ไปแก้หมวด1 และหมวด 2 ก็จะมีการรายงานว่า หากส.ส.ร.ไปแก้ก็จะทำให้ร่างนั้นตกไป โดยสภาฯเป็นผู้วินิจฉัย และสภาพของร่างนั้นตกไป ยังมีผลทำให้ ส.ส.ร.สิ้นสภาพด้วย