”ปิยบุตร” ยันอำนาจสถาปนา รธน.เป็นของประชาชน

2020-10-11 18:40:03

”ปิยบุตร” ยันอำนาจสถาปนา รธน.เป็นของประชาชน

Advertisement

”ปิยบุตร” ยันอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน  ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาแสวงหาข้อตกลงร่วมกันใหม่ เขียนรัฐธรรมนูญร่วมกัน

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.  ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการแถลงข่าวและเสวนาเปิดตัวกลุ่ม “Re-solution: ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่” ภายใต้ความร่วมมือของ 4 องค์กร ที่จะขับเคลื่อนรณรงค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาอย่างต่อเนื่องเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า - Conlab  และโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เป็นตัวแทนของคณะก้าวหน้ากล่าวบรรยายในหัวข้อ “ถึงเวลาอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่”

นายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเชื่อกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญแห่งการปฏิรูปการเมือง เชื่อว่าป็นผลพวงจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยสืบเนื่องมา เป็นฉันทามติของคนไทยร่วมกันครั้งสุดท้าย แต่เมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง ในท้ายที่สุดฉันทามติที่ว่านี้ก็ได้ถูกทำลายลง ขณะที่ฝ่ายหนึ่งยืนยันว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งใช้อำนาจโดยมิชอบ บิดผันรัฐธรรมนูญ แทรกแซงองค์กรอิสระและวุฒิสภา อีกฝ่ายหนึ่งก็เห็นว่าเสียงข้างน้อยใช้กลไกอิสระและอำนาจพิเศษในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ไม่ยอมทำตามกติกาที่มีอยู่ ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ตัดสินใจก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง วิกฤตรอบใหม่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น ด้วยเป้าประสงค์ในการควบคุมอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 เอาไม่อยู่ จึงต้องมีการรัฐประหารซ่อม เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 แต่ในท้ายที่สุดรัฐประหารทั้งสองครั้งก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้แก้ปัญหาที่คณะรัฐประหารทั้งสองชุดอ้างมา ว่าด้วยการแทรกแซงกลไกองค์กรอิสระและการตรจสอบอำนาจรัฐ หนำซ้ำยิ่งทำให้ปัญหาเหล่านี้หนักขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก

"อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญจึงต้องเป็นของประชาชน ประชาชนจะต้องเป็นผู้กำหนดว่ารัฐธรรมนูญจะมีหน้าตาอย่างไร สถาบันการเมืองกำเนิดมาได้เพราะรัฐธรรมนูญทำคลอดขึ้นมา และเป็นธรรมดาที่ต้องเล็กกว่าประชาชนและอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ หากกติกาที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่องก็จะใช้กระบวนการแก้ไข ซึ่งกำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญเอง แต่ในบางช่วงเวลาสถานการณ์ที่รุดหน้าไปมากขึ้น อีกฝ่ายพยายามเหนี่ยวรั้งไมให้เปลี่ยนแปลง วิธีการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียวอาจทำไม่สำเเร็จ ดังเช่นที่ รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นอยู่ในขณะนี้ ที่ออกแบบให้การแก้รัฐธรรมนูญทำได้ยากมาก เพราะผู้กำหนดรัฐธรรมนูญไม่ประสงค์ให้ใครมาแก้ ในขณะที่อารมณ์ของสังคมและผู้คนที่สะสมกำลังเอาไว้ทั้งในเชิงปริมาณ คุณภาพ และความคิดที่แหลมคมมากขึ้น สะสมมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ถึงปัจจุบัน พลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่รัฐธรรมนูญกลับออกแบบไว้ให้เป็นทางตันไม่ให้แก้ได้ เพียงเพราะมีวุฒิสภา 84 คนก็สามารถขวางการแก้ได้แล้ว และต่อให้ผ่านไปได้ก็จะยังมีศาลรัฐธรรมคอยนูญขวางอยู่ นี่คือวิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญ เมื่อมีพลังอยากแก้ เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแต่ไม่สามารถแก้เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้ เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบเอาไว้ให้มันแก้ยาก แล้ววิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญแบบนี้จะออกทางไหน พลังของการแก้ไขเปลี่ยนปลงรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นๆ ไม่มีวันลดน้อยถอยลง แล้วมันจะไปจบตรงไหน?” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า  รัฐธรรมนูญนี้เหมือนระเบิดเวลารอระเบิดออกมา สถาบันทางการเมืองในระบบ ไม่กระตือรือร้น ไม่จริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อสถาบันทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญไม่แยแสเสียงของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง วิกฤตรัฐธรรมนูญก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง และหลายครั้งที่ผ่านมาเราก็จบลงด้วยการรัฐประหาร ดังนั้น หากรัฐประหารเกิดขึ้นอีก หรือวิกฤตทางการเมืองเดินหน้าไปจนรัฐธรรมนูญ 2560 อยู่ด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว เราต้องยืนยันกลับไปว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญอยู่กับประชาชนตลอดกาล ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด เราจะไม่ยอมให้คณะใดคณะหนึ่งฉกฉวยแย่งชิงเอาอำนาจในการก่อตั้งระบอบ สถาปนารัฐธรรมนูญไปจากประชาชนอีกแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องมาแสวงหาข้อตกลงร่วมกันใหม่ เขียนรัฐธรรมนูญร่วมกัน