อาถรรพณ์มนตรานาคราช ตำนาน "ปู่อือลือ" ราชาต้องคำสาปแห่ง "ภูลังกา"

2020-10-08 15:10:24

อาถรรพณ์มนตรานาคราช ตำนาน "ปู่อือลือ" ราชาต้องคำสาปแห่ง "ภูลังกา"

Advertisement

เป็นเรื่องเล่ากล่าวขานมานมนานนับร้อยนับพันปี แต่กาลก่อนเคยมีสัตว์วิเศษดำรงคงอิทธิฤทธิ์ ทรงความศักดิ์สิทธิ์นามกระเดื่องเลื่องลือไกล เป็นพญานาคต้องคำสาปมิใช่ชาติกำเนิดเกิดจากวงศ์ตระกูล บำเพ็ญตบะแกร่งกล้าและมีบารมีด้วยศีลธรรมเกินคะเน เป็นตำนานแห่งความยิ่งใหญ่ ณ ภูลังกา 



วันนี้ทีมข่าวสกู๊ปพิเศษ นิว 18 จะมานำเสนอเรื่องราวของ "ตำนานปู่อือลือ" ราชาที่ต้องคำสาปตามความเชื่อแต่นานมา โดยเรื่องราวนี้เป็นมุขปาฐะ (การต่อปากกันมา, ข้อความที่ท่องจำกันมาด้วยปากเปล่า) ที่เล่าขานสืบต่อกันมาอย่างช้านาน เกี่ยวกับความผูกพันของคนกับพญานาค ตามความเชื่อของคนลุ่มน้ำโขง เรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังและยังถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี รัตพานครจึงต้องพินาศพร้อม “คำสาป” ที่ไม่อาจต่อต้านได้





  
ตามตำนานเชื่อว่าบริเวณบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ในปัจจุบันนั้น อดีตเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองนามว่า "รัตพานคร" มีพระเจ้าอือลือเป็นพระราชา พระนางแก้วกัลยา เป็นมเหสีคู่บัลลังก์ ทั้งสองพระองค์ปกครองไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์อยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข



กระทั่งพระนางแก้วกัลยา มเหสี ให้กำเนิดพระธิดาองค์น้อย คือพระนางเขียวคำ เวลาล่วงไปจวบจนพระนางเขียวคำ เจริญวัย จึงได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสามพันตา เจ้าชายต่างเมือง ทั้งสองพระองค์ครองรักกันด้วยความสุขไม่ต่างจากพระเจ้าอือลือกับมเหสี



จากนั้นพระเจ้าสามพันตากับพระนางเขียวคำ ได้ให้กำเนิดโอรสที่ถือเป็นปฐมบทแห่งโศกนาฏกรรมของความรักระหว่างคนกับพญานาคในครั้งนี้ คือ เจ้าชายฟ้าฮุ่ง หรือ เจ้าชายฟ้ารุ่ง เหตุที่ได้รับพระนามเช่นนี้ เพราะขณะประสูติได้เกิดปาฏิหาริย์ท้องฟ้าสว่างไสว คล้ายกับตอนอุษาสางจนเป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงตั้งพระนามให้ว่าเจ้าชายฟ้าฮุ่ง



เมื่อยิ่งเจริญวัยเจ้าชายฟ้าฮุ่ง ก็ยิ่งมีรูปเป็นสมบัติงดงาม เฉลียวฉลาดและรอบรู้สรรพวิชา รูปคุณสมบัติต่างๆของเจ้าชายฟ้าฮุ่ง เลื่องลือไปถึงเมืองบาดาล เหล่าบรรดามัจฉาชาติ นาคีสาวต่างปรารถนายลโฉมเจ้าชายแห่งเมืองมนุษย์ผู้นี้



เช่นเดียวกับ "นาครินทรานี" พระธิดาของพระยานาคราชแห่งเมืองบาดาล ที่พระทัยร้อนรุ่มดุจลาวาใต้พิภพจะประทุขึ้นมาเสียให้ได้ ธิดานาคจึงจำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นไปที่เมืองรัตพานคร แล้วพบรักกับเจ้าชายฟ้าฮุ่ง ตามเสียงหัวใจเพรียกหา

ซึ่งพระเจ้าอือลือ ก็ได้จัดงานอภิเษกสมรสให้เจ้าชายฟ้าฮุ่งกับนาครินทรา เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน โดยพระยานาคราช พระบิดาของนาครินทรานี ได้มอบเครื่องราชกุธภัณฑ์ของมีค่าประจำตระกูลให้กับพระยาอือลือราชา เพื่อแสดงถึงพันธไมตรีของทั้งสองเมือง





แต่รักแท้มักมีเรื่องให้สะดุดเป็นอุปสรรคพิสูจน์ความมั่นคงเสมอๆ เมื่อ "เจ้าชายฟ้ารุ่ง" กับ "นาครินทรานี" ครองคู่อยู่กินด้วยกันนานถึง 3 ปี กลับไม่วี่แววว่าจะมีทายาทสืบตระกูล เพราะธาตุต่างกันระหว่างมนุษย์กับพญานาค จึงไม่อาจจะให้กำเนิดบุตรธิดาได้ สร้างความโศกาอาดูรให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก

กระทั่งเจ้าหญิงนาครินทรานี ล้มป่วยลงและมนต์แปลงกายเริ่มเสื่องลง ร่างกายของมนุษย์จึงเริ่มกลายกลับไปเป็นนาคตามเดิม





วันหนึ่งนางสนมเข้ามาพบว่าเจ้าหญิงกลายร่างเป็นพญานาค ทำให้ชาวเมืองต่างพูดกันปากต่อปากไปทั่วเมืองรัตพานครว่า เจ้าชายฟ้าฮุ่ง มีพระชายาเป็นพญานาค เรื่องไปถึงพระเจ้าอือลือราชา สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงขับไล่ นาครินทรานี ธิดานาคราช กลับลงเมืองบาดาล โดยแจ้งให้พระยานาคราช มารับธิดากลับไป

แต่ก่อนกลับพระยานาคราชได้ทวงเครื่องราชกุธภัณฑ์ของตระกูลคืน ซึ่งพระเจ้าอือลือราชา อ้างว่าไม่สามารถนำคืนได้ เพราะนำไปแปรสภาพปะปนกับสมบัติของรัตพานครเสียแล้ว 



เหตุผลดังกล่าวสร้างความเดือดดาลแก่พระยานาคราช เป็นอย่างมาก จึงประกาศจะทำลายเมืองรัตพานครให้ราบเป็นหน้ากลอง

หลังจากพระยานาคราชกลับเมืองบาดาลไปแล้ว กลางดึกวันเดียวกันพระยานาคราช ก็ยกไพร่พลมาถล่มเมืองรัตพานคร ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพญานาคราช เมืองรัตพานคร จึงพังทลายลงและถูกปกคลุมไปด้วยผืนน้ำกลายเป็นบึงโขงหลง ไม่มีใครรอดไปจากเหตุการณ์ครั้งนี้



แต่ด้วยนาคราชาศรัทธาในพุทธศาสนา จึงเหลือไว้เพียง 3 เกาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด 3 แห่ง วัดดอนแก้ว หรือ วัดแก้วฟ้า วัดที่สองคือ วัดดอนโพธิ์ หรือ วัดโพธิสัตว์ และวัดดอนสวรรค์ หรือ วัดแดนสวรรค์

เมื่อนางนาครินทรานี ทราบข่าว ด้วยความรักที่มีต่อ เจ้าชายฟ้าฮุ่ง จึงหนีขึ้นมาจากเมืองบาดาล ตามค้นหาพระศพของเจ้าชายฟ้าฮุ่งไปถึงแม่น้ำสงคราม และดำผืนดินค้นหาจนเกิดเป็นลำห้วยชื่อห้วยน้ำเมา (เมารัก) ทว่าสุดท้ายก็ไร้ซึ่งพระศพของเจ้าชายฟ้าฮุ่ง พระนางจึงตัดใจดำกลับเมืองบาดาลไป



ส่วนพระเจ้าอือลือนั้น ถูกพญานาคราชกุมตัวเอาไว้ พร้อมกับสาปให้กลายเป็นพญานาค และกลายเป็นหินนอนขดหลับใหลอยู่ที่ภูลังกา พร้อมกับสาปแช่งให้เฝ้าอยู่ที่นั่นตราบนานเท่านาน จนกว่าจะมีเมืองใหม่เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินดังกล่าว



ปัจจุบันอำเภอบึงโขงหลง แยกออกมาจากจังหวัดหนองคาย ขึ้นตรงกับจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งตั้งเป็นจังหวัดเมื่อหลายปีก่อน ถือเป็นเมืองใหม่ตรงตามคำสาปแช่งของพญานาคราช

ส่วนพื้นที่เมืองรัตพานครที่ถูกพญานาคยกไพร่พลถล่ม คือบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง เนื้อที่ 13,837.5 ไร่และได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระหว่างประเทศ หรือ แรมซาร์ ไซต์ รวมถึงยังเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรในหน้าแล้งของกรมชลประทาน ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อีกด้วย

อ่านข่าวเด่นประเด็นโดนแบบต่อเนื่องไม่ขาดตอน