นักวิทยาศาสตร์หญิง 2 คน ชาวฝรั่งเศส และชาวอเมริกัน ร่วมกันพิชิตรางวัลโนเบลสาขาเคมี ประจำปี พ.ศ. 2563 จากผลงานการพัฒนาวิธีการปรับแต่งจีโนม ที่เรียกว่า คริสเปอร์-แคสไนน์ (Clustered Regularly Interspaced Short Palindromic Repeats : CRISPR )-cas9
นายโกรัน แฮนส์สัน เลขาธิการสำนักราชวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สวีเดน ประกาศเมื่อวันพุธ ว่า รางวัลโนเบลสาขาเคมีประจำปีนี้ ตกเป็นของ ศาสตราจารย์ เอ็มมานูแอล ชาร์ปังติเยร์ ชาวฝรั่งเศส แห่งสถาบันแม็กซ์ แพลงค์ ในเยอรมนี และศาสตราจารย์ เจนนิเฟอร์ เอ. ดูดนา ชาวอเมริกัน อาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์คลีย์ และสถาบันการแพทย์ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ สหรัฐอเมริกา จากผลงานการพัฒนาเทคนิกปรับแต่งพันธุกรรม ด้วย “กรรไกร”ที่มีความคมที่สุด ที่เรียกว่า คริสเปอร์/แคสไนน์ ซึ่งการใช้สามารถปรับเปลี่ยนดีเอ็นเอของสัตว์ พืช และจุลินทรีย์ ด้วยความแม่นยำสูงสุด
เทคโนโลยีจากการคิดค้น ของนักวิทยาศาสตร์หญิงทั้งสอง ซึ่งส่งผลกระทบแบบปฏิวัติต่อวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มีส่วนช่วยในการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ และอาจทำให้ความฝันในการรักษาโรคทางกรรมพันธุ์ได้สำเร็จ กลายเป็นความจริง
หลังจากตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานการค้นคว้าวิจัยของเธอในปี พ.ศ. 2554 ศ.ชาร์ปังติเยร์ ทำงานร่วม ศ.กับดูดนา ในการสร้างกรรไกรปรับแต่งพันธุกรรมแบคทีเรีย และปรับกรรไกรให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น กับสารพันธุกรรมอื่นๆ
ศ.ชาร์ปังติเยร์วัย 51 ปี และ ศ.ดูดนา วัย 56 ปี นับเป็นผู้หญิงคนที่ 6 และ 7 ในประวัติศาสตร์ ที่พิชิตรางวัลโนเบลสาขาเคมี
ศ.ชาร์ปังติเยร์ และ ศ.ดูดนา จะแบ่งรางวัลเงินสดเท่ากัน จากจำนวน 10 ล้านโครนา สวีเดน หรือประมาณ 35 ล้านบาท นอกเหนือจากใบประกาศเกียรติคุณ และเหรียญโนเบลทองคำ พิธีรับมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ 10 ธ.ค. เหมือนทุกปีที่ผ่านมา พร้อมกับผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาอื่นๆ แต่เนื่องจากปี้นี้เกิดปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 การมอบรางวัลจะกระทำโดยผ่านระบบจอภาพทางไกล ผู้พิชิตรางวัลแต่ละคนจะรับรางวัลที่ประเทศของตน.