ปทส.บุกจับ "ตัวการใหญ่" ค้าซาก "เสือโคร่ง" จากห้วยขาแข้ง หลังหนีหมายจับกบดานปทุมธานี
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส., พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา รอง ผกก.4.บก.ปทส. นำกำลังจับกุมนายยูซุบ แซ่ม้า อายุ 70 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดแม่สอด ที่ จ.171/2558 ในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันค้าซากสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าเลขที่ 43/3 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังหลบหนีคดีมาตั้งแต่ปี 2558 โดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2558 ตำรวจ สภ.แม่สอด จ.ตาก จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาลักลอบขนซากเสือโคร่งเพศเมียได้ที่ด่านห้วยหินฝน อ.แม่สอด จ.ตาก จากการจรวจสอบพบซากเสือโคร่งถูกบรรจุไว้ในกล่องโฟมใส่ไว้ท้ายรถเก๋ง จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาทราบว่า ซากเสือโคร่งดังกล่าว เป็นเสือที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี โดยถูกพรานป่าในพื้นที่ล่าและชำแหละซากก่อนส่งขายให้กับนายทุนในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในราคา 8 หมื่นบาท
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวอีกว่า หากซากเสือดังกล่าวไปถึงมาถึงมือนายทุนคนไทยแล้วจะส่งต่อไปให้นายทุนชาวต่างชาติ ราคาซากเสือโคร่งจะมีราคาจะแพงขึ้นถึง 7 แสนบาท เนื่องจากกระดูกเสือ หนังเสือ เขี้ยวเสือ และเล็บเสือ เป็นที่ต้องการของนายทุนชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก สำหรับคดีนี้มีการขยายผลจับกุมพรานป่า และผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายราย เหลือเพียงนายยูซุบ ซึ่งเป็นนายทุนเพียงคนเดียวซึ่งยังหลบหนีอยู่ก่อนถูกจับกุมได้ในที่สุด จากการสอบสวนนายยูซุป รับสารภาพ ว่า ช่วงเกิดเหตุมีอาชีพขายข้าวสารอยู่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมยืนยันว่าทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาคอยเจรจาเรื่องการซื้อขายซากเสือกับชาวต่างชาติเท่านั้น หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ส่งตัวให้พนักสอบสวน กก.4.บก.ปทส. ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ส่วนจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ สวนสัตว์ทั่วประเทศ หลังมีข่าวเก้งเผือก ถูกขโมยหายไปจากสวนสัตว์สงขลา ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือของขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าโดยผิดกฎหมาย