ด้านองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในรัฐยะไข่ ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทราบ ในการประชุมลับอย่างไม่เป็นทางการวานนี้ โดยคาดว่า คณะมนตรีฯ คงพิจารณาออก
แถลงการณ์หรือข้อมติเรียกร้องให้เมียนมายุติความรุนแรง อนุญาตให้องค์กรช่วยเหลือเข้าถึงพื้นที่ในรัฐยะไข่ รับผู้ลี้ภัยกลับเมียนมา ทั้งนี้ นายอันนานหวังว่า ข้อมติของคณะมนตรีฯ จะช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลเมียนมาเร่งสร้างบรรยากาศปูทางให้ผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับเมียนมาด้วยความสง่างามและปลอดภัย ไม่ควรกลับเข้าไปอยู่ในค่ายต่างๆ อย่างไรก็ตาม นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา สัญญาความรับผิดชอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมระบุว่า เมียนมาจะยอมรับผู้ลี้ภัย ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งกลับเมียนมา
กองทัพเมียนมาเริ่มการสอบสวนความประพฤติของทหารในระหว่างปฏิบัติการปราบปรามชาวมุสลิมโรฮีนจา นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮีนจาต้องอพยพหลบหนีข้ามเข้าไปในบังกลาเทศราว 536,000 คนตามการประเมินตัวเลขขององค์กรช่วยเหลือต่างๆ แต่สำนักงานผู้บัญชาการทหารเมียนมายืนยันว่า ปฏิบัติการดังกล่าวชอบด้วยเหตุผลตามรัฐธรรมนูญเมียนมา สำหรับการสอบสวนภายในกองทัพ ได้มีการปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมาลุแก่อำนาจ โดยการสังหาร ข่มขืน และวางเพลิง เพื่อขับชาวโรฮีนจาออกจากรัฐยะไข่