ผบ.ตร.นำทีมแถลงความคืบหน้าคดี "น้องชมพู่" เชื่อมีการพรากเด็ก กักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้เสียชีวิต ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลาย อำพรางศพ แต่ไม่มีหลักฐานพอจะออกหมายจับใครเป็นคนร้าย
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ต.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมทีมพนักงานสอบสวนแถลงความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ว่า เมื่อวานมีบางกระแสบอกว่า วันนี้จะแถลงปิดคดีขอเรียนว่าไม่ใช่ แต่จะบอกว่าตำรวจทำคดีคืบหน้าไปถึงไหน คดีนี้เป็นการตั้งข้อหาว่า พรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และข้อหาซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลายและอำพรางศพ หลัก ๆ ประมาณนี้ ส่วนผู้กระทำผิดเรายังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอจะออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับใครได้ แม้จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานมา 4 เดือนแล้วก็ตาม วันนี้มีเหตุผลความจำเป็นที่เราจะต้องทำเพิ่มเติมบางส่วน
"วันนี้มีเหตุผลที่จะต้องทำเพิ่มเติม การสืบสวนสอบสวนก็ยังไม่ได้ยุติ ถามว่ามันจะยุติเมื่อไหร่ มันมีอายุความ 20 ปี แม้ตามระเบียบตำรวจ ถ้าไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้ภายใน 1 ปี พนักงานสอบสวนก็ต้องส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ การสืบสวนก็จะทำไปเท่าที่จะแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ขอให้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นการเลิก แต่จังหวะ เวลาการทำงาน มีผ่อน เบา หนัก เร็ว แล้วแต่เหตุผลความจำเป็น เราขอยืนยันว่าดำเนินการไปตามหลักกฎหมาย ดำเนินการไปตามมาตรฐานกระบวนการยุติธรรม ขอให้มั่นใจ แม้ว่าวันนี้จะตอบคำถามประชาชนไม่ได้ว่าใครเป็นคนร้าย แต่อย่างน้อยก็ยืนยันเราไม่ละเลิกความพยายาม ภายหลักเราทำตามกฎ กติกา ไม่มีนอกเหนือไปจากนี้ ขอให้คนร้ายที่ฟังอยู่นอนเครียดต่อไป เพราะเรายังไม่เลิก" ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวว่า เราเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นไปเองอาจจะถูกใครกระทำไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมทำให้เสียชีวิต แล้วคนนั้นต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่ากรณีนี้ลุงพลตกเป็นผู้ต้องสงสัยและเป็นจำเลยของสัังคม ผบ.ตร. กล่าวว่า เราไม่มีหลักฐานตั้งข้อหาใคร เราพูดไม่ได้ว่าเราสงสัยใคร ไม่สงสัยใคร การเป็นจำเลยสังคมต้องถามใครมอบตำแหน่งนั้นให้ ตำรวจคงตอบไม่ได้
ด้าน พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเอง
จากนั้นได้มีการฉายวีทีอาร์สรุปว่า เนื่องจากเส้นทางภูเหล็กไฟขึ้นไปยากลำบากเกินความสามารถน้องชมพู่ เพราะหินชันมากกว่า 60 องศา โดยน้องชมพู่ไม่สามารถขึ้นบันไดบ้านที่มีความชันเพียง 45 องศา อาหารเช้ามื้อสุดท้ายมีเพียงไข่เจียว 3 คำ น้ำส้ม 1 ขวด ไม่มีพลัังงานเพียงพอจะทำให้น้องชมพูเดินไปตรงจุดดังกล่าวได้ เด็กอายุ 3 ขวบไม่สามารถเดินไปบริเวณดังกล่าวได้ ไปได้แค่ชั้น 2 บนเขาภูเหล็กไฟเท่านั้น ในวันพบศพน้องชมพู่มีสภาพเปลือยกาย ซึ่งบิดามารดายืนยันน้องไม่สามารถถอดเสื้อผ้าเองได้ บริเวณศพพบเส้นผม 36 เส้น เป็นเส้นผมของน้องชมพูดเอง เกิดจากการกัดหรือเฉือนด้วยมีดน่าจะกระทำโดยบุคคลอื่น น้องชมพู่ไม่สามารถเดินไปบนจุดพบศพได้ เชื่อว่ามีคนพาน้องไป จนถึงแก่ความตายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
เมื่อถามถึงพฤติการณ์ของคนร้ายว่าต้องการอะไรอะไร เพราะพ่อและแม่ของน้องชมพู่ ไม่มีฐานะ แล้วเหตุใดทำไมจึงต้องนำไปทิ้งภูเหล็กไฟ ผบ.ตร. กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ถึงมูลเหตุ แต่ตำรวจวางกรอบการทำงานตามหลักธรรมดา คือ คนจะไปถึงตัวเด็กให้ออกจากที่ๆ ควรอยู่ ไปอยู่ในที่ๆ ไม่ควรไป และมีใครเข้าถึงตรงนั้นได้บ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ฟังได้ไม่ได้ให้ไปพิจารณาดู โดยทางตำรวจไปคุยกับพ่อแม่และพี่สาว จนได้ข้อมูลมาว่า ตามปกติแล้วน้องชมพู่ จะไม่ให้ใครอุ้ม และไม่ไปกับคนแปลกหน้า ถ้าเราเชื่อเรื่องนี้ ใครเข้าถึงตัวน้องได้โดยไม่ร้อง และไม่ต่อต้าน หรือไม่ก็อาจถูกบังคับไป อาจเป็นคนสนิท หรือคนไม่รู้จักบังคับไป หรือทั้งสองอย่างผสมกัน และคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ได้ตนเชื่อจากตรรกะว่าคนที่ทำต้องรู้จักภูเขาลูกนั้น หรืออย่างน้อยต้องเคยเดิน เพราะสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่ที่ที่คนปกติจะเดินเข้าไป