"ดาว มยุรีย์" แย้มตอนนี้มีคนอุปถัมภ์หัวใจแล้ว

2020-09-30 19:00:30

"ดาว มยุรีย์" แย้มตอนนี้มีคนอุปถัมภ์หัวใจแล้ว

Advertisement

เป็นนักร้องลูกทุ่งหน้าสวยที่แจ้งเกิดมาจากบทเพลง “เป็นเมียน้อยไม่เอา” จนกระทั่งวันนี้ "ดาว มยุรีย์" กลายเป็นนักร้องตัวแม่ในวงการบันเทิงลูกทุ่ง ซึ่งเธอก็มาเล่าให้ฟังว่า ก่อนจะโด่งดังด้วยเส้นทางลูกทุ่งแนวภารตะได้นั้น เป็นเพราะนักแต่งเพลงได้รับการดลใจจากองค์เทพ จากนั้นมาทุกอัลบั้มก็ต้องมีเพลงลูกทุ่งสไตล์นี้เสมอ จนกระทั่งวันนี้เธอกลับมาทำเพลงอีกครั้ง พร้อมเล่าให้รายการ ต้มยำอมรินทร์ ฟังว่าได้เพลงนี้มาจากองค์เทพประทานให้ พร้อมแย้มเรื่องหัวใจที่สเตตัสตอนนี้เป็นสีชมพูเหลือเกิน



ได้ยินเพลงพี่ดาวมาตั้งแต่สมัยแบบ “เป็นเมียน้อยไม่เอา” กี่ปีแล้วในวงการเพลง ?



ถ้ามีชื่อเพลงก็น่าจะ 20 กว่าปีแล้ว เพลงสร้างชื่อ 20 ปีแล้ว เพลงที่เปลี่ยนชีวิตเรา คือเพลง “มีเมียแล้วไม่เอา” เนี่ยแหละค่ะ ตอนนั้นไม่เอาค่ะ ตอนนั้นปล่อยเวอร์ชั่น ก็ออกไป กบว.ไม่ผ่านตอนนั้นนะคะ พอเราค้นหาตัวเองมาหลายๆ อัลบั้ม ก่อนที่จะมาเจอบทเพลงนี้นะคะ ก็มีความรู้สึกว่า ใช่เราน่าจะมาในแนวนี้ แล้วองค์เทพเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ความเชื่อเฉพาะเนอะ เราก็โอเค จากนั้นมาไม่เคยทิ้งเพลงแขกเลย ในทุกๆ อัลบั้มจะต้องมีเพลงแขก จากเพลง มีเมียแล้วไม่เอา ก็มา แฟนเคยมีแต่เลิกแล้ว แล้วก็มี เยอะเลยเพลงแขก

ที่เมื่อกี้พี่ดาวบอกเป็นความเชื่อคือ เป็นความเชื่ออะไร ?
เป็นความเชื่อว่าเรามีครูบาอาจารย์ที่เป็นเกี่ยวกับองค์เทพอะไรอย่างนี้ ที่เป็นเกี่ยวกับเทพแขก ไม่ว่าจะเป็นพระแม่ลักษมี พระแม่อุมา พระแม่สุรัสวดี เทพต่างๆ ที่เป็นแขก



ทำไมอยู่ดีๆ เราถึงมีความเชื่อนี้ขึ้นมาหรือว่ามีคนทักหรือเรารู้สึก ?
ตอนแรกเนี่ย พี่โปรดิวเซอร์พี่สโนวไวท์ เพลงนี้มันมาจากสมาธิเขาเพราะว่าเขาก็เป็นคนที่เริ่มพาเราไปปฏิบัติธรรม เราต้องมาสายธรรมด้วย แล้วก็ขอว่าอยากได้เพลงๆ นี้เป็นเพลงสุดท้ายที่เขานั่งสมาธิ ดนตรีมันลอยแว่วเข้ามาเหมือนเขามาไกด์ท่อนฮุก เมโลดี้ แล้วก็มาแต่งเนื้อกัน แล้วก็เรียกอาจารย์ เริงยุทธ พิมพ์ทองมาคุยกัน



ล่าสุดเห็นว่ากำลังจะออกเพลงอีก ซึ่งเป็นเพลงแขกเหมือนกันแล้วเพลงนี้มีความพิเศษด้วย ?


จริงๆ ทุกๆ เพลงที่ปล่อยออกมาแต่ละซิงเกิลเนี่ยมันจะมีกลิ่นอายแขก แต่ว่ารู้สึกกลับมาล่าสุดเพลงนี้ที่มาที่ไปคล้ายๆ กับเพลงมีเมียแล้วไม่เอาเพราะว่าเรามีน้องคนนึงนะคะชื่อ “น้องกอล์ฟ” เขาก็เป็นสายเทพเหมือนกัน แล้วที่บ้านเขาก็จะมีเทวสถาน อยู่ๆ นางก็บอกว่า “พี่ดาว หนูนะจุดธูปอยู่ มันมีแบบแว่วๆ ลอยมา “โอมร่ายมนต์ดลให้เธอรักฉัน” อะไรแบบนี้ ใช่ค่ะ แว่วเป็นประโยค ก็คือ “โอมร่ายมนต์ ดลให้เธอรักฉัน” แล้วเราก็นั่งคุยกัน “หลงลืมคืนวัน” เป็นคนต่อกับน้องเขา “มีเพียงฉันและเธอ”

จนมาเป็นเพลงชื่อเพลงอะไร ?
ชื่อเพลง “ โอมจงมา” เราได้แค่ท่อนฮุกค่ะ แล้วก็ ลาลาลาลันลา เราก็จะมีลา ลาของเราพอเสร็จแล้วก็เลยไปได้ได้อาจารย์คนรุ่นใหม่ชื่อ อาจารย์สโนว์ บอกอาจารย์เราอยากได้เนื้อแบบนี้ ท่อนฮุกเราเป็นแบบนี้มี ลา ตรงนี้ แล้วก็ดนตรีเราจะหาเรฟเฟอร์เร้นซ์ให้เขา แล้วก็การร้องเขาก็จะช่วยแต่งเนื้อข้างในมาให้เรา จะช่วยกันดีไซน์

ถ้าเพลงนี้ไม่ปังปูริเย่ จะไม่ร้องเพลงแล้ว ?
จริงๆ ก็ว่าอย่างนั้น แต่สำหรับเพลงแขกมีพี่คนนึงเขาบอกว่า มันไม่ได้ 50,000 วิวไม่ต้องร้องแล้วนะ เอองั้นไม่ต้องทำก็ได้ ทิ้งทวนไปเลย จะขอทำเพลงแขกทิ้งทวนไม่ว่าจะเป็นทุกอย่างเสื้อผ้า หน้าผม ประมาณนั้น ช่วยกันเข้าไปดูให้กำลังใจหน่อยนะ ตอนนี้ก็คือเข้าไปดูที่ YouTube “ดาว มยุรีย์ Chanel”ติดตามกดไลค์ กดแชร์ให้ดาวด้วย ไปกด subscribe ให้ด้วยนะ





ช่วงโควิดที่ผ่านมาหลายคนส่วนใหญ่เลยแหละน่าจะเกือบทุกคนได้รับผลกระทบทั้งหมดถึงขนาดว่าไม่มีรายได้ สำหรับดาว มยุรีย์เขาสวนกระแส เพราะเขาบอกว่ามีคนมาอุปถัมภ์อุ้มชู คือใคร ?
คืออย่างนี้เอางี้ก่อนนะ เพราะว่าพี่ดาวเนี่ยเป็นคนที่สายบุญ ปฏิบัติธรรมสวดมนต์ศีล 5 ทุกคืนมาประมาณ 5-6 ปีแล้ว สิ่งนึงที่ไม่เคยทิ้งเลยก็คือบุญ เราสะสมมา พอวันนึงเนี่ยบุญเราถึง เราไม่ต้องเรียกร้อง ช่วงเกิดโควิดช่วงแรกๆ ก็ยังไม่มานะ เดือนแรกก็ยังไม่มานะมาปลายๆ แล้วเรามีความรู้สึกว่า เราจะอยู่ยังไงโควิดคงอยู่ไม่นานตอนนั้นคิด แล้วตอนแรกก็ไม่คิด แต่ด้วยความที่ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร ด้วยความที่รู้สึกว่าเรามาสายธรรม เราจะตกน้ำก็ไม่ไหลอะไรแบบนี้ มันมีความรู้สึกอย่างงั้นว่าเรารอดแหละ อยู่ๆก็มีผู้ใหญ่ใจดีเข้ามาช่วยเหลือเราในด้านการงานการเงินอะไรแบบนี้ มาโดยที่แบบเป็นไปได้เนอะ ก็คุยค่ะ ประมาณนั้นแบบช่วยเหลืออะไรอย่างนี้

ก็คือเป็นการอุปถัมภ์ที่แบบทำให้โลกของเราเป็นสีชมพูด้วยไหม ?
นิดนึงด้วยความว่า โอเคถ้ามีสิ่งดีๆ เป็นความรักที่เขาให้สิ่งดีๆ กับเราเป็นผู้ใหญ่เราก็รักนะ แต่ว่ามันเป็นความรักที่แบบ ขออยู่แบบส่วนตัวได้ไหม เมื่อก่อนคบกับใครมยุรีย์ก็ต้องลงรูปบอกคนนั้นคนนี้ แล้วก็มีใต้ภาพหวานแหวว มันรู้สึกว่าเป็นอาถรรพ์สำหรับเรา



เหมือนแบบว่าเวลาเปิดเมื่อไหร่ปุ๊บมันไม่ได้ ?
พัง พอพังจบไม่พอมันทำให้เรารู้สึกว่ามันไปไม่รอด แล้วทุกคนก็เอาอีกแล้ว มีความรู้สึกว่าเราบ้าผู้ชาย บ้าอย่างงั้นบ้าอย่างนี้ เขาไม่เข้าใจ ด้วยความที่เราเป็นคนที่คุยกับใครแล้วก็จะลงรูปเราไม่ได้คิดว่ามันจะต้องอะไร พอมาตอนหลังเรามาสายธรรม ก็นี่แหละสายธรรมก็สอนให้เรานิ่งปล่อยวางไม่ต้องไปยึดติดอะไรมา ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันไม่ใช่ของเรา เราเกิดมาก็ตัวคนเดียวจิตมาอาศัยร่างนี้เกิดเท่านั้น มันก็เลยทำให้เราแบบเราก็ปล่อยวางได้ไม่ต้องไปยึดติดอะไรมากมาย ทำทุกวันนี้เวลานี้ให้มีความสุขพยายามสะสมบุญ



พอเราไม่ได้ออกมาเปิดต่อหน้าสื่อกลับเป็นความรักที่ดีใช่ไหม ?
มันกลับเป็นอะไรที่ดีสำหรับเรา เพราะว่าเราก็เคยดูดวงมาแล้วว่า คุณเปิดเผยเรื่องความรักไม่ได้ จริงค่ะ หมอลักษณ์ยังบอกเลยว่าความรักเป็นดวงราศี เป็นดวงเขาเรียกว่าอะไรอะ ดวงดาวแตกเรื่องความรักมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อก่อนเนี่ยเรื่องราวของตัวเองจะพูดให้ทุกคนฟังหมดเลย พอมา ณ.วันนี้เรามานั่งคิดเราพูดไปมากๆก็ไม่ดี ก็เหมือนที่บอกว่าสายธรรมสอนให้เรานิ่ง อยู่ของเราให้มีความสุขก็พอ แล้วไม่ต้องไปอะไรกับใครมากมาย มันสอนให้เราแบบนั้นจริงๆ ค่ะ

ทุกวันนี้ยังแซ่บอยู่ และแซ่บขนาดนี้ลูกอายุ 18 แล้ว ?
18 แล้วค่ะ ย่าง 18 แล้ว ม.กรุงเทพปี 1 ค่ะ เวลาเดินไปไหนด้วยกันก็แบบ โอเคพี่น้องอะไรอย่างนี้

สิ่งหนึ่งที่เหมือนคุณแม่คือ ชอบเต้น ?
จริงๆ อยากให้ร้องเพลง แต่ว่าตอนเด็กๆ อะร้องเพลงแม่จนถึง 7 ขวบ ร้องได้แต่ก่อนเต้นตาม ร้องได้หมดเมื่อก่อนอะ พอมา 9 ขวบเปลี่ยนหมดเลย มาแนวเกาหลีสายเต้นโคฟเวอร์เกาหลี แล้วก็ไปซ้อมเต้นแล้วก็ไปประกวด บางทีเขาไม่ได้บอกว่าเป็นลูกเรา จริงจัง ขยันซ้อมไป 2 ทุ่ม 3 ทุ่มไปไปห้องซ้อมอะไรอย่างนี้ คือเขารักตรงนี้ไงเราก็ไม่รู้จะทำยังไง

แล้วเราสนับสนุนไหม ?
สนับสนุนค่ะ ดีกว่าเขาไปอย่างอื่น เขามาสายเต้นมาอะไรของเขา อยากให้ร้องเพลงได้ด้วยอะไรอย่างนี้แต่เขาไม่ชอบร้องเพลงเลย แต่ไม่ว่าเขาจะชอบอะไรเราก็สนับสนุนเขาหมด



แต่เขาบอกว่าถึงต่อให้ ณ วันนี้ หากนะหากแม้ว่าดาวมยุรีย์จะไม่มีงานขึ้นมา ชีวิตก็ไม่ลำบากแล้ว
สาธุ ไม่ใช่ค่ะคุณน้องขาคืออย่างนี้ พี่มีความรู้สึกว่าพอเราอยู่มาวันนึงเนี่ยเราผ่านอะไรมาเยอะมากนะคะ ผ่านอะไรมาเยอะ พอวันหนึ่งบุญเสริมเราเนี่ยมันก็มีสิ่งดีๆเข้ามาทำให้เราแบบไม่ต้องไปขวนขวาย เมื่อก่อนลุยทุกงานไปทุกที่ แม้กระทั่งงานธุรกิจงานเรื่องการเงินการลงทุนพี่ดาวไปศึกษามาทุกงาน จนกระทั่งวันหนึ่งเรามีความรู้สึกว่าเราไปแล้วมันไม่ใช่ตัวเรา แม้กระทั่งเป็นขายสินค้าตัวเองก็ทำมาหมดนะ พอวันนึงเรามานั่งถามตัวเองว่า “เขาคงให้เราแบบ มาอยู่แค่สายนี้หรือเปล่ามาแค่เป็นศิลปินร้องเพลงหรือเปล่า”อะไรอย่างนี้ พอไปทางอื่นแล้วมันก็ไปแล้วมันก็ไปแล้วไม่สำเร็จ ก็เลยกลับมายืนมองตัวเองแล้วบอกว่าถ้างั้นก็เราก็อยู่สวยๆ เราก็ไม่ต้อง เขาเรียกอยู่พอเพียง มีคนช่วยเราดูแลผู้อุปถัมภ์ดูแลเราให้ทางที่ปรึกษาคืองานก็รับให้มันน้อยลง ไม่ใช่ว่าไม่รับงานนะคะ รับงาน เพียงแต่ว่าอาจจะต้องแบบคิดว่าหางานราคานี้เราไปคุ้มค่าไหม สำหรับเราอ่ะเมื่อก่อนน่ะไปช่วยทุกงานอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้งานบุญบางงานก็ไปอยู่ แต่ว่าคัดกรองมากขึ้นมากกว่า