ผู้ปกครองสุดทนแจ้งจับ"ครู"ปิดประตูทับ"ลูก"นิ้วขาด

2020-09-30 16:50:45

ผู้ปกครองสุดทนแจ้งจับ"ครู"ปิดประตูทับ"ลูก"นิ้วขาด

Advertisement

ผู้ปกครองสุดทน บุกแจ้งความจับ "ครู" ปิดประตูทับนิ้วลูกขาด หลังพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นางบี (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ชาวเชียงราย นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายและใบรับรองแพย์เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อิทธิพล ฉลาดธัญญกิจ รอง.สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารโรงเรียนอนบาลแห่งหนึ่งใน ต.รอบเวียง อ.เมือง สืบเนื่องจาก ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 3 ปี ถูกครูของโรงเรียนดังกล่าวปิดประตูทับปลายนิ้วชี้ข้างซ้ายจนขาดถาวร โดย นางบี เปิดเผยว่า ตนและสามีชาวฝรั่งเศส ส่งบุตรชายเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว เพราะจากการตรวจสอบประวัติพบว่าโรงเรียนดูแลเด็กเป็นอย่างดีและมีชื่อเสียง กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนโทรศัพท์มาแจ้งตนว่า ลูกชายประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บที่นิ้ว และนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงขอให้ไปพบกันที่โรงพยาบาล ตนจึงรีบไปดูก็พบว่าแพทย์ทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่นิ้วโดยใช้พันผ้าแผลเอาไว้






นางบี เล่าอีกว่า เมื่อสอบถามถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกชายจากผู้บริหารโรงเรียน อ้างว่า สาเหตุเกิดจากประตูไม้ของโรงเรียนหนีบนิ้วน้องขณะนำกล่องนมไปทิ้งที่ถังขยะที่อยู่นอกห้อง ตอนแรกตนไม่ได้ติดใจอะไร แต่หลังจากพาบุตรชายกลับบ้านเพียง 1 วัน พบว่าบุตรชายร้องไห้งอแงผิดปกติ และเมื่อผ้าพันแผลหลุดออกจึงเห็นถึงบาดแผลของลูกว่าร้ายแรงกว่าที่คิด จนจึงเดินทางเข้าพบกับผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อแจ้งให้ทราบถึงเรื่องบาดแผลของลูกชาย และขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ปรากฎว่าพบครูพี่เลี้ยงหญิง 2 คน กำลังเตรียมให้เด็กเข้านอน แต่ลูกชายนำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้อง ขณะนั้นลูกตนใช้มือข้างซ้ายจับขอบประตู แต่จู่ๆ ครูพี่เลี้ยงกลับปิดประตูไม้อย่างแรงจนขอบประตูทับนิ้วลูกชายจนได้รับบาดเจ็บ ทำให้ตนผิดหวังอย่างมากเพราะไม่ใช่อุบัติเหตุจากลมพัดตามที่ครูบอก โดยหลังผู้อำนวยการโรงเรียนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงมาขอโทษตน พร้อมแสดงความเสียใจที่ไม่ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิด และพร้อมที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทุกอย่าง






นางบี กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนรู้สึกเสียใจเพราะครูไม่ได้บอกความจริงมาตั้งแต่ต้น เมื่อนิ้วลูกมีสภาพเช่นนี้อาจทำให้ลูกต้องเสียโอกาสเรื่องการทำงานในอนาคต แม้ปัจจุบันแผลจะหายดี และได้ย้ายไปเรียนที่อื่นแล้ว แต่ก็อยากได้รับการเยียวยาจากโรงเรียน และเมื่อสอบถามไปยังโรงเรียนก็รับปากว่าจะเยียวยาให้ ตนจึงขอค่าเสียหายไป 400,000 บาท แต่ทางโรงเรียนต่อรองเหลือเพียง 100,000 บาท ซึ่งตนเห็นว่าไม่เพียงพอ ล่าสุดเจรจากันอยู่ที่ 350,000 บาท โดยทางโรงเรียนแจ้งว่าจะติดต่อมาในช่วงเที่ยงของวันที่ 30 ก.ย. แต่ปรากฎว่าเงียบหายไป เมื่อตนใช้ไลน์สอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน พบว่าอ่านไลน์แต่ไม่ตอบกลับ ตนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

ด้านพนักงานสอบสวน ได้สอบถามข้อมูลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการแจ้งความ จากนั้นประสานไปยังแพทย์เพื่อขอหลักฐานผลการชันสูตรบาดแผล และข้อมูลการรักษา เพื่อนำกลับมาพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในข้อหาใด ส่วนในอนาคตหากคู่กรณียังประสงค์จะเจรจากันเรื่องค่าสินไหมทดแทน ก็จะจัดทำเป็นบันทึกข้อตกลงร่วมกันต่อไป 


ด้าน นางซี (นามสมมติ) ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนดังกล่าว ยืนยันว่า ทางโรงเรียนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งได้เจรจาหารือกับผู้ปกครองของเด็กมาโดยตลอด ส่วนค่าเสียหายที่ผู้ปกครองเรียกร้องมานั้น ทางโรงเรียนได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการโรงเรียนแล้ว เนื่องจากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ เมื่อตนแจ้งไลน์ไปยังผู้ปกครอง ปรากฎว่าไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด ส่งผลให้ไม่ได้ติดต่อกันในที่สุด อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุได้ย้ายครูคนดังกล่าวไปทำหน้าที่อื่น โดยไม่ได้มาดูแลเด็กแล้ว และพร้อมที่จะพูดคุยเพื่อหาทางออกกับผู้ปกครองต่อไป