ทรัมป์-ไบเดน ประชันวิสัยทัศน์รอบแรกเดือด

2020-09-30 12:15:24

ทรัมป์-ไบเดน ประชันวิสัยทัศน์รอบแรกเดือด

Advertisement


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายโจ ไบเดน คู่แข่งเลือกตั้งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ปะทะคารมกันอย่างดุเดือด กรณีความเป็นผู้นำของทรัมป์ ในการจัดการการระบาดของไวรัสโควิด-19, เศรษฐกิจและภาษี ในการโต้วาที หรือดีเบตแสดงวิสัยทัศน์รอบแรกในวันอังคารที่ 29 กันยายนตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพุธตามเวลาในไทย โดยที่ทรัมป์พูดแทรกก่อกวนไบเดนบ่อยครั้ง

ในการดีเบตรอบเเรก ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ คริส วอลเลส จาก Fox News เป็นพิธีกร ซึ่งเขาก็พยายามที่จะควบคุมการดีเบต แต่หลายครั้งก็ไร้ผล คู่ชิงทำเนียบขาว ต่างพูดแทรกกัน และสบประมาทกันตลอดเวลา จนกลายเป็นวิวาทะทางการเมือง ซึ่งทำให้ยากที่ทั้งสองคนจะอธิบายประเด็นต่าง ๆ ได้



“คุณจะหุบปากไหม?” ไบเดน กล่าวอย่างโกรธเคือง หลังจากทรัมป์พูดขัดจังหวะหลายครั้งระหว่างการดีเบตรอบแรกเกี่ยวกับศาลสูง ไบเดนเรียกทรัมป์ว่า “ตัวตลก” และ “คนเหยียดผิว” และบอกเขาว่า “คุณเป็นประธานาธิบดีที่เลวร้ายที่สุดที่อเมริกาเคยมีมา” ส่วนทรัมป์ก็พูดในส่วนของเขาว่า “ไม่ได้มีอะไรที่เป็นความฉลาดเกี่ยวกับคุณเลย คุณโจ”

ไบเดนจี้ถามถึงความเป็นผู้นำของทรัมป์ เกี่ยวกับการจัดการการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยกล่าวว่า ทรัมป์ตื่นตระหนกและล้มเหลวในการปกป้องชาวอเมริกัน เพราะเขามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจมากกว่า เขาตื่นตระหนก หรือเขามองแต่เรื่องความปั่นป่วนที่เกิดกับตลาดหุ้น ไบเดนกล่าวถึงทรัมป์ ซึ่งกดดันให้รัฐต่าง ๆ กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งและไม่ได้ให้ความสำคัญต่อภัยคุกคามที่เกิดจากการระบาดของไวรัส ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิต และอีกหลายคนจะเสียชีวิต เพิ่มอีก เว้นเสียแต่ว่า ทรัมป์จะฉลาดขึ้น และดำเนินการเร็วขึ้น



ทรัมป์ปฏิเสธไบเดน ที่ใช้คำว่า “ฉลาด” (smart) “คุณจบการศึกษาในระดับต่ำที่สุดหรือเกือบต่ำที่สุดในชั้นของคุณ อย่าใช้คำว่าฉลาดกับผม อย่าใช้คำนี้” ทรัมป์กล่าว นอกจากนี้ เขายังปกป้องวิธีการแก้ปัญหาโควิด ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วมากกว่า 200,000 รายในสหรัฐ และทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนไม่มีงานทำ

“พวกเราทำงานได้ดีเยี่ยม” ทรัมป์กล่าว “แต่ผมขอบอกคุณ คุณโจ คุณอาจไม่เคยทำงานแบบที่พวกเราทำ คุณไม่มีในสายเลือดของคุณ”

ผู้สมัครทั้ง 2 ไม่จับมือกัน ขณะเข้าสู่การดีเบต โดยปฏิบัติตามกฎเว้นระยะห่างทางสังคม social distancing เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19

ไบเดน วัย 77 ปี ยังมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ วัย 74 ปี ในผลโพลแห่งชาติ แม้ว่าผลการสำรวจในรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญ ที่เป็นรัฐที่มีผลต่อการชี้ชะตาการเลือกตั้ง ยังสูสีกันก็ตาม



การดีเบตที่ใช้เวลา 90 นาที จำกัดจำนวนผู้เข้าฟังตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ควบคุมการระบาดของไวรัส ถูกจัดขึ้นที่ Case Western Reserve University ในเมืองคลีฟแลนด์ เป็นการดีเบตรอบแรก จากทั้งหมด 3 รอบในการดีเบตระหว่างประธานาธิบดี และอีกรอบระหว่างผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานธิบดี

รอบที่สอง จะถูกจัดขึ้นที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา วันที่ 15 ตุลาคม โดยมี สตีฟ สกัลลีย์จาก C-SPAN เป็นพิธีกร ในรูปแบบของ “town meeting” ตามปกติในรูปแบบการจัดลักษณะนี้ จะมีตัวแทนประชาชนร่วมถามคำถาม

รอบที่สาม ที่เมืองเนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี วันที่ 22 ตุลาคม ผู้ดำเนินรายการในรอบนี้ คือคริสติน เวลเคอร์จาก NBC



ก่อนการโต้อภิปรายครั้งแรกในจำนวนสามครั้งระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในคืนวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ หรือเช้าวันพุธตามเวลาในประเทศไทย อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของพรรคเดโมแครตมีคะแนนนิยมในระดับประเทศนำหน้าประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ราว 7 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมของทั้งคู่ในรัฐสำคัญ ๆ บางรัฐ ซึ่งต้องมีการช่วงชิงชัยชนะยังคงคู่คี่กันอยู่ ซึ่งก็ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะแพ้คะแนน Popular Vote หรือคะแนนทั้งหมดที่ประชาชนมอบให้แต่ได้เป็นประธานาธิบดี เนื่องจากได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งของแต่ละรัฐหรือ Electoral Votes รวมกัน กว่า 270 คะแนนดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2559

มีการคาดการณ์ว่า คนอเมริกันราว 100 ล้านคนจะติดตามชมการโต้อภิปรายแบบตัวต่อตัวในคืนวันอังคาร ซึ่งจะมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศและจะใช้เวลา 90 นาที โดยผู้สมัครทั้งสองยืนอยู่คนละมุมและไม่สัมผัสมือกัน และนอกจากคำถามต่างๆ ใน 6 หัวข้อ เช่น ผลงานของผู้สมัครทั้งสอง ปัญหาโควิด-19 การเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงคนใหม่ของสหรัฐฯ ความถูกต้องสมบูรณ์ของระบบการลงคะแนนเลือกตั้ง รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนต่างผิวในสหรัฐฯ

และในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการโต้อภิปรายครั้งนี้ อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดนกับภริยาได้เปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลของปีล่าสุดคือปี พ.ศ.2562 ซึ่งแสดงว่าทั้งคู่จ่ายภาษีให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯเกือบ 300,000 ดอลลาร์ ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์นั้นยังไม่เคยเปิดเผยตัวเลขเรื่องการเสียภาษีของตนโดยให้เหตุผลว่ากำลังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงาน IRS หรือกรมสรรพากรสหรัฐฯ อยู่ นสพ.นิวยอร์ก ไทม์ส เพิ่งรายงานเมื่อวันอาทิตย์เกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลของประธานาธิบดีทรัมป์ให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพียง 750 ดอลลาร์ในปี พ.ศ.2559 และในปีถัดมา

ขณะที่การโต้อภิปรายในช่วงที่ผ่านมามักมีบทบาทสำคัญช่วยกำหนดผลการเลือกตั้งได้นั้น อิทธิพลของการโต้อภิปรายในปีนี้ยังไม่ชัดเจนเพราะผลการสำรวจความเห็นแสดงว่ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันระบุว่า ตนได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครแล้วและจะไม่เปลี่ยนใจ นอกจากนั้นยังมีผู้คนอีกหลายล้านคนในหลายรัฐของสหรัฐฯ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าแล้วหรือตั้งใจจะไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้าด้วย