น้ำตาร่วง ! “เฌอเอม” ยืนยันยังไม่สละสิทธ์ MUT 2020 (คลิป)

ไม่ได้เอาเปรียบใคร “เฌอเอม ชญาธนุส” เปิดใจน้ำตาร่วง ไม่ขอสละสิทธิ์ MUT 2020 ฝั่งผู้จัดการส่วนตัว ยืนยันไม่ทราบกลยุทธ์ใดๆ

กลายเป็นอีกหนึ่งกระเด็นที่เหล่าคนติดตามการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 รอคำชี้แจงจาก “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” หลังหนึ่งในผู้บริหารของกองประกวดนางงามเวทีดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อจับได้ว่า 1 ในทีมงานของตัวเอง คือผู้จัดการส่วนตัวของนางงามท่านหนึ่งที่เข้ารอบ 30 คนสุดท้าย”

พร้อมกับทิ้งท้ายจนโซเชียลร้อนเป็นไฟว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ หน้ากล้องอีกอย่าง ลับหลังคนทำงานเบือนหน้าหนีมีอยู่จริงๆ นางงามเมื่อได้รู้ว่าเรารู้ความจริงนี้แล้ว ได้แต่หัวเราะให้กับความโง่เขลาของเรา และพูดเพียงว่า ก็นึกว่าพี่อั้มรู้อยู่แล้ว !!!!???? ต่อจากนี้เราเป็นเพียงคนที่เคยรู้จักกันนะคะ”

(อ่านข่าว : จะอยู่หรือจะไป คิดเอง ! "เฌอเอม" เจอมาม่าชามโต "พี่ีเลี้ยง" ดอดแฝงตัวล่วงข้อมูลทีมประกวด ??)

ล่าสุด (29 ก.ย. 2563) “เฌอเอม ชญาธนุส” ได้เดินทางมาพร้อม “ทนายนิด้า” และ “คุณเคน” ผู้จัดการส่วนตัวเพื่อชี้แจงเรื่องราวดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า…

กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากชี้แจงอะไรบ้าง ?

เคน : “เราเป็นผู้จัดการศิลปิน การที่มาบอกเราเป็นมิจฉาชีพที่เขาบอกมาเป็นข้อๆ อยากบอกว่าเราเป็นฟรีแลนซ์ การที่มาบอกเราเป็นแบบนี้มันไม่แฟร์กับเรา เรามีที่มาของรายได้ ซึ่งมันมีผลกระทบมาถึงน้องและเรา

สุดท้ายแล้วคนที่โดนเยอะสุดคือน้อง เรามีหน้าที่ในกองประกวดคือดูแลสปอนเซอร์ การที่บอกว่าเป็นผู้จัดการผีผลักนั่นคือแฮชแท็กที่เราใช้ ซึ่งที่เค้าโพสต์ก็หมายถึงเรา เราไม่มีการเซ็นสัญญาอะไรในกองประกวดครับ เราเข้าไปในฐานะฟรีแลนซ์ครับ เราไม่เคยอยู่ในงานประชุมทุกครั้ง เคยเข้าไปแค่ 3ครั้งเท่านั้น เราไม่ได้ดูแลน้อง เราดูแค่คิวถ่ายงานน้อง เราคือฐานะคนขายงานให้น้องครับ เราไม่เคยแจ้งกองประกวดมาก่อนครีบ เราไม่เคยปกปิดถ้าปกปิดเราไม่ใส่เบอร์ไว้แน่นอน”

เฌอเอม : “เราไม่มีผู้จัดการ ไม่มีผู้ดูแล โบรกเกอร์คือผู้หางานให้เรา กัลยาณมิตรคือผู้ที่คอยช่วยเหลือ ส่วนพี่เลี้ยงนางนางงามจะคอยดูทุกอย่างในการประกวดทั้งหมด ซึ่งบางทีจบเวทีต่อเวที และผู้จัดการคือคำที่กว้าง คือคนที่คอยดูแลงานและชีวิตส่วนตัว พี่เคนคือโบรกเกอร์ค่ะ อาจจะมีความคุมเครือเพราะทุกคนอาจรวมความหมายเข้าด้วยกัน เอมต้องขอโทษด้านการสื่อสารที่ผิดพลาดค่ะ

เรารู้จักน้องมากี่ปี ?

เคน : “รู้จักน้องมา 2 ปีกว่าครับ”

เฌอเอม : “ตอนแรกที่เอมจะลงประกวด คือคนนั้นไม่มีประสบการณ์ในการส่งประกวดนางงาม พอเราเจอสื่อเยอะ เขาก็ทำไม่ได้และไม่เอ็นจอย เราก็เลยคุยกันแล้วทำเองค่ะ”

คนบอกพี่เคนเอาข้อมูลมาบอกเรา ?

เฌอเอม : “เอมไม่เคยเห็นคีย์เวิร์ดค่ะ เราไม่เคยคุยเรื่องชีวิตส่วนตัวค่ะ ปกติเอมทำงานต่างประเทศค่ะ”

อีกฝ่ายบอกเห็นเราสนิทกันเกินไป ?

เฌอเอม : “เอมบอกก่อนว่าเอมคุยกับทุกคนด้วยความเป็นมิตร เราไม่ได้ทำเพื่อคะแนนค่ะ”

ยืนยันว่าเราไม่รับสิทธิ์พิเศษ ?

เฌอเอม : “เราไม่ได้เอาเปรียบใครค่ะ”

คิดว่าเราโดนกีดกันไหม ?

เฌอเอม : “ไม่ทราบค่ะ หลังจากเอมเจอพี่ปุ้ยก็เจอเหตุการณ์นี้เลยค่ะ”

พอเราไปคุยกับพี่ปุ้ยเขาว่าไง ?

เฌอเอม : “เขารับทราบ ก็บอกให้เราพักผ่อนค่ะ”

เขาบอกไหมว่าพี่เคนเป็นไม่ได้ ?

เคน : “ก็มาทราบตอนที่โพสต์ครับ”

เขาบอกให้เราตัดสินใจสละสิทธิ์ ?

เฌอเอม : “เราก็อยากเดินรอบสุดท้าย เพราะเราเริ่มมาพร้อมกัน สิ่งสำคัญมันไม่ใช่มงกุฎ สละสิทธิ์มันง่ายมาก ขอให้กองพิจารณาเรื่องการสละสิทธิ์ค่ะ”

กองให้เราแสดงสปิริตเรื่องการสละสิทธิ์ ?

เฌอเอม : “เรายืนยันที่จะไม่สละสิทธิ์”

เราจะทำงานกับกองได้ไหม ?

เฌอเอม : “เอมไม่ทราบว่ากองมีกิจกรรมอะไรเลย”

คนอาจมองเราโดนกลั่นแกล้ง ?

เฌอเอม : “เอมว่าคนเรามีหลายนิสัย บางทีข้อมูลที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็เกิดปัญหาที่ใหญ่กลวงได้ หรืออาจมีการเสริมความเข้าใจผิดทำให้เกิดการเข้าใจผิดมากขึ้นค่ะ สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์”

เรามีปัญหาส่วนตัวกับคนโพสต์ไหม ?

เฌอเอม : “ไม่มีค่ะ เอมไม่มีปัญหากับการทำงาน เอมตั้งใจมาตลอดอย่างดีที่สุดค่ะ”

เราเป็นตัวเต็งเป็นอีกสาเหตุไหม ?

เฌอเอม : “ไม่ทราบค่ะ เอมเคารพเวทีนี้เป็นอย่างมาก ใครที่ได้มงเอมก็ยินดีด้วย หลายคนเอมก็เชียร์ เราไม่ได้แค่เล็งแค่มงกุฎค่ะ ปีหน้าจะลงไหมก็ยังไม่ได้คิดค่ะ เอมขอจบแค่ปีนี้ เพราะปีนี้เราใส่ไปหมดแล้วค่ะ”

ที่คุณอั้มโพสต์ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ หลายคนบอกว่าพฤติกรรมเราไม่โอเค ?

เฌอเอม : “เอมอยากให้ถามเพื่อนเอมค่ะ อาจมีบ้างที่เอมเหนื่อย เชื่องช้า เราไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเอมทำให้ทุกคนไม่สบายใจเอมขอโทษค่ะ อยากให้ถามเพื่อนๆ เอมค่ะ เรื่องดำเนินคดี เอมไม่สามารถตอบได้ต้องให้พี่นิด้าตอบแทนนะคะ”

ด้าน “ทนายนิด้า” ได้เผยว่า… “น้องได้เดินมาปรึกษา เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 25ก.ย. และรอน้องมาแถลงข่าว เพราะน้องไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อไม่ให้กระทบต่อทุกฝ่าย แม้วันนี้คำพูดจะกระทบบ้าง แต่เราเป็นส่วนได้เสีย ในส่วนของพี่เคนเขาไม่ได้เซ็นสัญญาเลย ในกองประกวดมีหลายฝ่าย กติกาไม่เคยนำมาชี้แจงให้รับทราบ ถ้ามันเป็นมืออาชีพต้องมีสัญญา มีลายลักษณ์อักษร อย่างเรื่องการประชุมอยากให้บอกว่าเรื่องมีความลับอะไรแล้วน้องได้ประโยชน์อะไร ข้อเท็จจริงมันคลุมเครือว่าใครอยู่ในสถานะอะไร เรากังวลเรื่องคำว่ามิจฉาชีพเพราะมันคือโจร ถ้าความสัมพันธ์ของเขามันก่อปัญหามาก สิ่งที่สำคัญคือการเสียหายในทางแพ่ง ไม่ได้ก่อความเสียหายขนาดที่ใช้คำพูดนั้น

การฟ้องร้องเราไม่ประสงค์การฟ้องร้อง อยากให้หาทางออกที่ดีได้ การกระทำดังกล่าวอาจไม่ถึงขั้นมิจฉาชีพ เรายอมรับคำวิจารณ์ได้ น้องก็ยอมรับ ถ้าเลยเถิดไปมากก็ยังไม่รู้ ขอบเขต ณ ตอนนี้ยัง ต้องดูสถานการณ์ก่อนค่ะ ส่วนจะฟ้องใครนั้นคือยังค่ะ ใครเบาได้เบาค่ะ เรายังไม่ได้เก็บหลักฐานอะไร

ถ้าน้องโดนให้สละสิทธิ์ถามว่าฟ้องกองได้ไหมนั้นต้องถามว่าจิตใจเราอยากฟ้องไหมคือไม่ค่ะ น้องรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด คือถ้าเขาดีก็ชมเขาไปเถอะ เขาตั้งใจปิดบังหรอ ตอนกรอกใบสมัครเขาก็บอกว่าไม่มีผู้จัดการส่วนตัว เราอยากให้ความเป็นธรรมกับเขา”