แห่ชมความสวยงามกระทงสายดวงไฟจากกะลา ปล่อยบูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง

2020-09-29 12:25:07

แห่ชมความสวยงามกระทงสายดวงไฟจากกะลา ปล่อยบูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง

Advertisement

สุดตระการตา! นักท่องเที่ยวแห่ชมความงดงามลอยกระทงสายกลางน้ำโขง โชว์อันซีนดวงไฟจากกะลา ปล่อยบูชาพญานาค

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศการท่องเที่ยวงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ และงานกาชาดประจำปี 2563 วันที่สี่ ยังคงคึกคักไปด้วยประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน และรอชมการประกวดไหลเรือไฟในคืนวันออกพรรษา โดยปีนี้กำหนดจัดงานขึ้น รวม 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่ 25 กันยายน - 4 ตุลาคม 2563  ทุกวันนอกจากการแสดงมหรสพคบงัน รวมถึงการจัดจำหน่ายสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ยังมีการไหลเรือไฟโชว์ คืนละ 1 ลำ เป็นการ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานในคืนวันออกพรรษา จะมีการประกวดไหลเรือไฟ จากทั้ง 12 อำเภอ รวม 12 ลำ ที่ชาวบ้าน ร่วมกันจัดสร้างขึ้น สืบสานประเพณีสำคัญช่วงวันออกพรรษา ที่สืบทอดกันมา แต่โบราณ โดยปีนี้ จัดงานภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิด เพิ่มวันไหลประกวด ในวันที่ 30 กันยายน และวันที่ 1-2 ตุลาคม 2563 จากไหลเพียงวันเดียว

ที่สำคัญ นอกจากประชาชน นักท่องเที่ยว จะได้ชมเรือไฟสาธิต เป็นการเรียกน้ำย่อย ยังจะได้ตื่นตากับความสวยงามของกระทงสาย หรือที่เรียกว่าไข่พญานาค โดยทุกวันทีม เจ้าหน้าที่ อส. จะมีการนำกระทงสายที่ประดิษฐ์จากกะลามะพร้าว  นำมาตัดครึ่ง เป็นลักษณะคล้ายกระทะ  ตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน  จากนั้นจะมีการนำขี้เลื่อยมาทำส่วนผสม กับน้ำมันดีเซล รวมกับขี้ใต้ยางไม้ มาผสมตามสัดส่วน บรรจุเป็นเชื่อเพลิงลงในกะลา ก่อนขนลำเลียงลงเรือหางยาว วันละเกือบ 10,000 ดวง  ไปตั้งจุดวางทุ่น ปักหลักปล่อยกระทงสาย  ตั้งแต่ต้นน้ำโขง จากจวนผู้ว่าราชการหลังเก่า ไหลยาวเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ไปตามน้ำโขงตามแนวถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม  กลายเป็นแสงไฟระยิบระยับ สวยงาม เต็มแม่น้ำโขง ถือเป็นอันซีนของงานประเพณีไหลเรือไฟทุกปี  ที่สร้างความสวยงามตื่นตาให้ประชาชนนักท่องเที่ยวทุกปี

  นายปิยะวัฒน์ แสนสี อายุ 45 ปี หัวหน้าทีม อส. เปิดเผยว่า สำหรับกระทงสาย ที่ทำจากกะลามะพร้าว พอเชื้อเพลิงหมด กะลาจะถูกไฟไหม้บางส่วนและจมไปกับน้ำ แต่ไม่เกิดมลภาวะ เนื่องจากเป็นวัสดุธรรมชาติย่อยสลายได้  ซึ่งถือเป็นอีกประเพณีสำคัญที่สร้างความประทับใจให้กับประชาชนนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม อีกทั้งยังเป็นประเพณีโบราณที่ถือปฏิบัติกันมาทุกปี เชื่อว่า เป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในน้ำโขง และปู่พญานาค เป็นสิริมงคลช่วงออกพรรษา  ซึ่งยอมรับว่าแต่ละวันทีม อส. ต้องยอมเหนื่อย และต้องมีความชำนาญในการปล่อยกะลามะพร้าว ที่จุดดวงไฟไหลตามแม่น้ำโขง และต้องมีความชำนาญ หากไม่ชำนาญจะทำให้กะละถูกน้ำพัดจมในขณะที่ปล่อยลงน้ำ ถือเป็นความภาคภูมิใจของกำลังเจ้าที่ อส.ที่ได้อยู่เบื้องหลังความสวยงาม และเป็นการสืบสานประเพณีจากความเชื่อ ความศรัทธา ยิ่งวันคืนออกพรรษา จะปล่อยมากถึง 10,000-20,000 ดวง ถึงจะเหนื่อยแต่ทุกคนภาคภูมิใจ