สลด"ถังกลั่นน้ำมันทางเลือก"ระเบิดย่างคนงาน 2 ศพ

2020-09-29 12:15:00

สลด"ถังกลั่นน้ำมันทางเลือก"ระเบิดย่างคนงาน 2 ศพ

Advertisement

เกิดเหตุ "ถังกลั่นน้ำมันทางเลือก" ตุมสนั่น ย่างคนงาน 2 ศพ "เจ้าของ" คาดสาเหตุมาจากการทดลองเครื่อง

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. พ.ต.ท.ศุภณัฐ พุ่มน้อย รองผู้กำกับ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ย่อยบางน้ำจืด พร้อม นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ภายในบริษัทจีอาร์ดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 19/16 หมู่ที่ 6 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่เกิดเหตุพบเป็นโรงงานผลิตน้ำมันทางเลือก ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 2 เดือน จึงเพิ่งติดตั้งเครื่องจักรกลที่ใช้ผลิตน้ำมันทางเลือกเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพลิงกำลังลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคอกกระบือ และ อบต.บางน้ำจืด จึงนำรถน้ำดับเพลิงเข้าระงับเหตุจำนวน 2 คัน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต 2 รายเป็นช่างเครื่อง ทราบชื่อ คือ นายปัญญา นันทะรุ้ง อายุ 45 ปี ที่อยู่ 311 หมู่ที่ 1 ต.ดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี และ นายศุภางค์ชนันท์ แสนไชย อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 6 ต.หนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม

โดย นายก้องเกียรติ เจ้าของโรงงาน เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงทดลองระบบการกลั่นน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว เพื่อนำมาเป็นน้ำมันทางเลือกใหม่สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม แทนน้ำมันดีเซล แต่ด้วยความรุนแรงของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้เนื่องจากมีเชื้อเพลิงเป็นน้ำมันเก่า ทำให้ถังกลั่นน้ำมันเกิดระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดทำให้โครงสร้างอาคารบางส่วนพังถล่มลงมา ก่อนพบศพเจ้าหน้าที่คุมเครื่องจักร 2 ราย ถูกแรงระเบิดจนร่างไหม้เกรียมเสียนอนชีวิตอยู่ในกองเพลิง ส่วนสาเหตุของการระเบิดที่เกิดขึ้น คาดว่าน่าจะมาจากรอยเชื่อมต่อระหว่างถังน้ำมันขนาด 800 ลิตรกับเครื่องกลั่นที่อาจเชื่อมไม่ได้มาตรฐาน เมื่อเจอน้ำมันกลั่นที่มีความร้อนกว่า 200 องศาเซลเซียส จึงรองรับไม่ไหวทำให้ฝาถังเกิดการระเบิดพุ่งเปิดออก โดยแรงระเบิดทำให้ผู้คุมงานทั้ง 2 คนกระเด็นไปกระแทกกับพื้นก่อนถูกไฟคลอกเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญเจ้าของโรงงานไปให้ปากคำที่ สภ.ย่อยบางน้ำจืด ก่อนประสานกับเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อสืบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน โดยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท