"จุรินทร์"ชูอาหารอหารไทยตีตลาดโลก

2020-09-26 21:20:16

"จุรินทร์"ชูอาหารอหารไทยตีตลาดโลก

Advertisement

"จุรินทร์"ชูอาหารเป็นทิศทางสินค้าไทยก้าวไกลในตลาดโลก เน้นเกษตรกรรมจุดแข็งของประเทศในภาวะวิกฤต

เมื่อวันที่ 26 ก.ย.  ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “ทิศทางสินค้าไทย ก้าวไกลในตลาดโลก” พร้อมเป็นประธานการมอบรางวัลดีเด่นแต่ละสาขาในการประชุมใหญ่ สามัญประจําปี 2563 ของสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่ง ประเทศไทย 


 นายจุรินทร์ แสดงความยินดีกับสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทยที่ครบรอบ 55 ปี พร้อมกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ ว่า  ทิศทางสินค้าไทยในตลาดโลกเจอสถานการณ์ ของโรคโควิด-19 และสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับจีน-เศรษฐกิจโลกหดตัว  และที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันของเทคโนโลยีกระทบทั้งการค้า การลงทุนทุกฝ่าย  สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำคือเมื่อโลกเปลี่ยนเราก็ต้องปรับเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทิศทางสินค้าไทยที่ควรจะก้าวไปให้ไกลในตลาดโลกต้องปรับรูปแบบกลยุทธ์ โดย 1.เปลี่ยนยุทธศาสตร์เป็นใช้การตลาดนำการผลิต 2.เปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้ตรงตลาดและต้องเพิ่มนวัตกรรม และไม่ทิ้งจุดแข็งของประเทศไทยที่เป็นเมืองเกษตรกรรมและมีความหลากหลาย ซึ่งอาหารเป็นจุดแข็งและเป็นอนาคต เราต้องเดินหน้าไปสู่การทำให้"อาหารไทยเป็นอาหารโลก" จะต้องทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพมาตรฐานของโลกให้ได้


นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ไม่กี่วันมานี้ตนนำกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ทำข้อตดลงร่วมกันโดยมีต่างชาติประเทศผู้นำเข้าสินค้าอาหารสังเกตการณ์ โดยเราจะควบคุมกำกับดูแลการผลิตร่วมกับเอกชนในเรื่องของอาหารให้มีความปลอดภัยและยอมรับได้ว่าเป็น COVID FREE คือไม่มีโควิด และมีการออกใบรับรองคุณภาพจากราชการเพื่อผู้ส่งออกจะได้นำไปแสดงกับผู้นำเข้าในแต่ละประเทศได้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศต้นๆของโลกที่ทำแบบนี้ จะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้สินค้าและอาหารไทยก้าวไกลในตลาดโลก  ทั้งนี้ รูปแบบการตลาดเรานำเปลี่ยนเป็นใช้ระบบออนไลน์ก็สามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าได้นอกจากนี้ยังใช้ระบบไฮบริด คือเป็นการจัดแสดงสินค้า ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ผสมกันเป็นระบบผสมผสาน โดยเมื่อ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนเพิ่งไปเปิดงานแสดงสินค้าเครื่องดื่มและอาหาร THAIFEX-ANUGA ASIA2020 ที่เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบไฮบริดครั้งแรกในโลก และจะเป็นต้นแบบให้ทุกประเทศในโลกทำตามต่อไป