ลูกมีความสุขแม่ก็โอเค "เก้า"เผยเรื่องราวในวงการ 20 ปี

2020-09-26 13:30:32

ลูกมีความสุขแม่ก็โอเค "เก้า"เผยเรื่องราวในวงการ 20 ปี

Advertisement

ทำงานในวงการบันเทิงกว่า 20 ปี จากดาราเด็กสู่พระเอกแถวหน้าของเมืองไทยสำหรับหนุ่ม"เก้า จิรายุ ละอองมณี"  ที่ล่าสุดมาเผยเรื่องราวในชีวิตผ่านทางรายการคุยแซ่บshow และความผูกพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่เจ้าตัวพา"คุณแม่ก้อย"ไปสักแขนครั้งแรก อีกทั้งยังอัปเดตความรักกับแฟนสาว "วีโอเลต" ด้วยว่า


20 ปีแล้วในวงการบันเทิง?
เก้า : ใช่ครับ ตอนแรกผมเริ่มจากการถ่ายโฆษณา ก็คือฟลุคๆ ไม่ได้ตั้งใจ พารุ่นพี่ของผมไปแคสติ้ง ผมอาสาขับรถไปให้ โมเดลลิ้งก็ถ่ายรูปผมไว้ ผมก็ได้งานแบบฟลุคๆ มาเรื่อยๆ

ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?



เก้า : โฆษณาอันแรกประมาณ 2 ขวบ ตอนนั้นมันไม่ต้องทำอะไรเยอะ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำ แม่ก็เล่าให้ฟัง

พอเราเริ่มโตมาเห็นว่าเราเป็นเด็กอัจฉริยะมาก จำบทได้เป็นหน้าๆ?

เก้า : อันนั้นก็โตขึ้นมาหน่อย ที่เราเล่นละครจริงๆ จังๆ ประมาณ 6 ขวบ ชื่อเรื่องผีขี้เหงา ตอนนั้นมันเริ่มมีบทเยอะ ต้องใช้ผู้ช่วย ก็แม่ผมนี่แหละอ่านให้ฟัง เราก็ฟังจำไป




ตอนที่เราไปถ่ายเรางอแงหรือน้อยใจคุณแม่บ้างไหม ทำไมให้เราเล่นละครตั้งแต่เด็ก?

เก้า : ผมไม่ได้น้อยใจ งอแงอาจจะมีบ้างเวลาง่วงแค่นั่นเอง

บางคำพูดที่บอกว่าแม่เอาเรามาหากิน เรารู้สึกยังไงกับประโยคเหล่านี้?

เก้า : จริงๆ ก็ไม่ใช่ มันคือโอกาส ถ้าให้ผมมอง ถ้าผมไม่ได้ทำ ทุกวันนี้ผมไม่ได้มีอาชีพ ไม่ได้มีเงิน ไม่ได้มีทุนชีวิตที่พิเศษขึ้นมา ผมก็ไม่ได้สบายแบบทุกวันนี้ จริงๆ ต้องขอบคุณเขาด้วย ผมพูดในมุมเด็กทุกคน เด็กทุกคนไม่เหมือนกัน ผมอาจจะโชคดีที่ผมมีโอกาส แล้วผมเองก็ไม่ได้ต่อต้าน ถ้าฝากถึงคุณพ่อ คุณแม่ท่านอื่นๆ ก็ดูลูกคุณ ถ้าเขาไม่อยากทำก็ไม่ต้องไปฝืน

ที่บอกว่าเหนื่อย แล้วหายไป ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?



เก้า : ประมาณ 7-8 ขวบ


แล้วอะไรที่ทำให้เรากลับมาวงการอีกครั้ง?
เก้า : ผมโชคดี แล้วที่ผมอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ดวงก็เป็นเหตุผลหลักเหมือนกัน เพราะว่าการที่คนหายไปปีนึงมันก็นานพอสมควร ถ้าเกิดว่าเขาจะลืมไม่ได้เอาเรามาทำงานคงเป็นเรื่องปกติ แต่ผมโชคดีปีนึงมีงานติดต่อเข้ามาพอดี แล้วแม่ก็ถามว่าอยากทำไหม ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร

ช่วงปีนึงที่หยุดไปเหนื่อยหรอ?

เก้า : ไม่ใช่ มันเหมือนจากที่เราไปโรงเรียนอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร บางวันอาจจะมีโฆษณานิดหน่อย แต่ว่างานละครมันจะยาว เรื่องแรกผีขี้เหงา ละครผีถ่ายกลางคืน เด็กมันไม่ใช่เวลาที่มานั่งทำงาน มันต้องนอน เหนื่อยมาก พอพักปีนึงมันก็หายเหนื่อย แล้วห็น่าจะสนุกดี จริงๆ ประสบการณ์ถ้าไม่นับว่าเหนื่อย มันก็ดีนะอยู่ในกองถ่าย มันมีคนมาเอ็นเตอร์เทนเรา มีเพื่อน มีผู้ใหญ่



เคยรู้สึกไหมว่าชีวิตวัยเด็ก วัยรุ่นของเรามันหายไป?

เก้า : มันก็มีส่วนนึงที่หายไป ยอมรับพูดตรงๆ มันมีสิ่งที่เราได้ไปแล้วก็เสียก็แลกกัน ที่ผมมารู้สึกมากๆ หน่อยเป็นช่วงมัธยม เราอยากทำกิจกรรม ผมเล่นกีฬาด้วย บางทีถ้าไม่ได้ไปโรงเรียน 3-4 วัน มันขาดตอน ไม่รู้เรื่อง มันก็มีฟิวที่เซ็งเหมือนกัน เราก็ทำไป แม่ผมพยายามไม่รับงานมากเกินไป ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เราไปเรียนมากกว่า เมื่อมันมีโอกาสมาใจนึงก็อยากทำ ใจนึงเราก็อยากพัก ก็ยังดีว่าเราฝืนทำไปก่อน อาจจะไม่ได้ 100% เหมือนคนอื่น แต่ว่าก็เท่าที่เราทำไหว ทีนี้มันรู้สึกว่าคุ้มค่ามากเลยที่เราไม่เลิกไปก่อน ถือว่าโชคดีครับ

เคยมีช่วงที่เรามีชื่อเสียง หลงตังเอง เราเคยเป็นบ้างไหม?
เก้า : ผมไม่แน่ใจว่าผมหลงตัวเองหรือเปล่า ผมก็มีข่วงที่หลุดไปเหมือนกัน เราโฟกัสผิดจุด เหมือนเราเหนื่อย ผมจะเป็นคนที่เหมือนคนที่ทำงานตั้งแต่เด็กๆ ก็จะมีช่วงเวลาที่ผมว่าง ช่วงเวลาที่ผมพัก ผมรู้สึกว่าผมต้องพักจริงๆ ต้องแบบไม่มีใครมายุ่งกับผม มันก็จะมีช่วงเวลาพวกนั้นเหมือนกัน บางทีเมื่อเวลามันพักไม่พอ เราก็กลายเป็นคนนิสัยไม่ดีเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเรานิสัยไม่ดีกับหลายๆ คน โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ บางทีเราอาจจะเป็นคนที่นิสัยดีกว่านั้นได้ ตอนที่คนมาคุยกับเรา มาถ่ายรูปกับเรา เราสามารถเฮฮากับเขาได้มากกว่านี้ นี่คือสิ่งที่ผมคิดนะ ผมมองว่ามันไม่ใช่หลงตัวเองหรอก มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่มันเหนื่อยมากๆ แล้วช่วงเวลาที่เราทำได้ดีกว่านั้น ถ้าเรามองมุมกว้าง

มีช่วงนึงติสท์แบบไม่รับงานเลย?

เก้า : ก็รับยาก มีตอนเด็ก แล้วก็ช่วงวัยรุ่นนี่รับอยู่ แค่แบบกว่าจะรับอะไรสักอย่างได้ก็ยาก แต่จริงๆ ก็ยังเป็นมาถึงทุกวันนี้ แต่เรื่องรับงานถ้าเรารู้สึกว่าเราทำแล้วมันไม่ดี หมายถึงใจเราไม่อยากทำ แล้วเราจะไม่ค่อยทำการบ้านกับมัน เราไม่เตผ่มที่ ผมรู้สึกว่าผมไม่รับดีกว่า รับเฉพาะสิ่งที่ผมคิดว่าคนดูเขารู้สึกว่ามันเต็มที่ คนที่ทำงานกับเรา จ้างงานเรามันคุ้มค่าด้วย

ช่วงที่บอกว่าเราอาจจะไม่น่ารักสำหรับทุกคน มีคนคอยเตือนเราไหม?
เก้า : ก็จริงๆ มีครับ ครอบครัวนี่ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มันอยู่ที่คนรอบตัว ถ้าคนรอบตัวเราบอกว่าคุณดังแล้วจะไปทำตัวเหมือนคนปกติไม่ได้ ถ้าคนรอบตัวคุณพูดแบบนั้นคุณก็เป็นแบบนั้นแน่นอน ไม่มีใครคอยดึง ครอบครัวผมบอกว่าไม่ดีแล้วนะ คนไม่อยากทำงานด้วย ประกอบกับผมไม่ชอบให้คนมองว่าเราเหนือกว่าคนอื่น เพราะผมรู้สึกว่าผมไม่ชอบสายตาที่มองแบบนั้น ทุกคนจะรู้ว่าเวลาที่ผมอยู่กับเพื่อนห ผมก็เป็นคนปกติคนนึง เรารู้สึกสบายใจเราได้เป็นคนธรรมดาจริงๆ เวลาอยู่กับเพื่อน





เห็นน้องเก้าบอกว่าคุณแม่เป็นกำลังหลักสำคัญเลยในการเตือน?

แม่ก้อย : ก็เตือนค่ะ คุณเป็นยังไงเราก็รักคุณ แต่ว่าคนอื่นเวลาที่เขาไม่รักเรา เราเป็นนักแสดง เราคือลูกจ้าง เราต้องทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเรามีคุณค่า ก็จะต้องบอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ทำแบบนี้ใันจะเป็นแบบนี้นะ เขาก็หังนะคะ บางครั้งเขาดื้อแต่ว่าเขาฟังเสมอ

คุณแม่กับคุณลูกสนิทกันแค่ไหน?

เก้า : สนิทๆ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นบอกทุกเรื่อง ผมอยู่บ้านเดียวกับแม่ เหมือนคนที่อยู่ด้วยกันก็สนิทกันอยู่แล้ว เห็นกันอยู่ทุกวัน


เห็นว่าสนิทกันแต่ก็มีบางเรื่องไม่บอกกันตรงๆนะ ใช้เวทีสารภาพกับแม่?

เก้า : เรื่องสัก แท่ผมไม่เคยห้าม แต่ว่ามันเป็นฟิวที่เราคิดไปเอง เขาจะว่าอะไรหรือเปล่า คือไม่ได้บอกแม่ บอกพ่อ

วันนั้นแม่โกรธไหม?

แม่ก้อย : ไม่โกรธค่ะ เขาอยากทำอะไร ขอแค่บอกเรา แค่เขาอาจจะบอกเซอร์ไพรส์หน่อย พอดีมันมาพร้อมสุพรรณหงส์ แต่ก็ถามว่าสักว่าอะไร เขาก็ให้ดูนิดนึง คือเป็นคำว่าครอบครัว เป็นลายมือเขา

ล่าสุดเพิ่งพาคุณแม่ไปสักมา?

แม่ก้อย : เหตุการณ์คือมันถึงเวลาแล้ว

เก้า : เขาอยากสักมาตั้งนานแล้ว

แม่ก้อย : ตอนแรกอยากสักมังกรเต็มหลัง ซึ่งที่ไปสักมามันภูมิใจมากๆ ที่สัก เพราะเรารู้สึกว่าอยู่มาอายุเรา 52 ปี เรารู้สึกว่าอันนี้จะไม่ตายไปจากเรา


แม่เลือกสักรูปลูก?

แม่ก้อย : รูปเก้าเล่นกีตาร์จากมิวสิควีดิโอล่าสุดของเขา

น้องเก้ารู้สึกยังไงแม่มาสักแบบนี้?

เก้า : ผมก็ตอนแรกทีเล่น ทีจริง ไม่รู้เขาจะสักจริงๆ หรือเปล่า ผมทำช่องยูทูบอยู่ ผมก็ทำคลิปพาแม่ไปสัก คนดูเยอะเลย ประกอบกับแม่พูดเล่นมาหลายครั้งแล้วว่าแม่จะสัก ผมก็ไม่คิดว่าแม่จะสัก แม่ผมก็ฉาเหมือนกัน



แม่สักเป็นรูปเรา เรารู้สึกยังไง?

เก้า : มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ผมนั่งขำกับเพื่อนอยู่ ไม่รู้ว่าซึ้งหรือเปล่า ผมก็แบบ แม่สัก แม่มึงไม่เห็นสักรูปมึงเลย แม่รักกูมากกว่า แม่มึงรักมึงอีก ผมก็แกล้งเพื่อน

เห็นว่ามีหนึ่งรอยสักที่แม่ก้อยงอนน้องเก้า?
เก้า : ไม่แน่ใจ

แม่ก้อย : รอบขา

เก้า : อ้อ ผมคิดออกแล้ว ปกติผมสักแม่ไม่ว่าอะไร มีครั้งนึงที่ผมไปสักแม่ก็ไปด้วยก็ไม่ได้อะไร แต่มันมีอยู่วันนึงที่ผมรู้สึกว่ามันจะใหญ่ รอบขา คือผมตั้งใจไว้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะว่ายังไง แต่ไปเองก่อนเลย อันนี้ใช้แผนการที่ว่าสักเสร็จค่อยบอก พอกลับมาบ้านก็กะว่าให้แผลหายก่อนค่อยบอก แต่ว่าเขามารู้วันที่ผมหม่อยู่บ้าน เขาเข้ามาในห้องเห็นผ้าปูที่นอนเป็นสีดำ เขาก็เลยรู้ว่าสักมา ผมก็ให้ดู เขาก็บอกว่า บอกก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไร

แม่ก้อย : จริงๆ ตกใจ เพราะรอยมันใหญ่มากๆ จริงๆ เราถูกเลี้ยงดูมาในรุ่นที่ว่าใครมีรอยสักมีตำหนิ แล้วเหมือนขาคนละท่อน เราก็ตกใจ เพราะอาชีพเขา เขาต้องใช้ร่างกายกายของเขา แล้วถ้าเกิดมันมีตำหนิเรารู้สึกว่าเราเลี้ยงมายุงไม่ให้กัด ไรไม่ให้ตอม แล้วนี่อะไร ตอนแรกก็น้อยใจร้องไห้ แต่ก็เข้าใจเขา เก้าจะเป็นยังไงแม่ก็รัก

แล้วตอนแม่อ้อนลูกขอซื้อบ้านแม่ร้องไห้ด้วยไหม?

แม่ก้อย : ไม่ร้องค่ะ เขาก็ถามเรา คือผ่านไป 1 เดือนหลังจากที่บอกเขา เขาก็กลับมาถามเราว่ายังอยากได้อยู่หรือเปล่า

เก้าเล่าเหตุการณ์นี้สิ แม่มาขอซื้อบ้านที่เชียงใหม่ใช่ไหม?

เก้า : ใช่ครับ เขาไปเที่ยวเหมือนชอบ เขาก็ไปดูบ้านเล่นๆ รอบแรกที่เขาไปดู ผมไม่ได้ไป เขาก็ส่งรูปมาให้ดู เขาอยากให้เราลองไปสักรอบ เราก็ไปดู ผมก็โอเคมันสวย มันเยี่ยมเลย แต่เราคิดว่าเราคงไม่มาบ่อย ก็เลยบอกเขาว่าไม่ต้องซื้อหรอก เอาเงินซื้อบ้านไปเช่าโรงแรมอยู่มันได้ทั้งชีวิต ซื้อทำไมอยู่ที่เดียว เราไปหลายจังหวัดก็ได้ ไปๆ มาๆ เหมือนคุยกัน

เลยซื้อสดเลย 5 ล้านกว่า?
เก้า : ผมจำไม่ได้เหมือนกัน

แม่ก้อย : ประมาณครึ่งไร่ ในระยะยาวมันจะเป็นมูลค่า เพราะมันจะเป็นทรัพย์สินของเขา

กับน้องวีกี่เดือนแล้ว?

เก้า : เกือบๆ ปีแล้วครับ ก็โอเค ปกติดี

คบกันได้ยังไง?

เก้า : ก็รู้จักกันเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว จากการถ่ายซีรีส์ จนมาวันนึงมันก็เป็นไปของมันเอง แค่นั้นไม่มีอะไรเลย

ชอบอะไรในตัววี?

เก้า : เขาเป็นคนคล้ายๆ ผม มองอะไรคล้ายกัน ทำงานเยอะเหมือนกันก็เลยเข้าใจ


เห็นว่าวีอายุเยอะกว่าด้วย?
เก้า : ใช่ครับ ประมาณ 2 ปี ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีสเปคนะครับ แต่ผมชอบคนที่โต เป็นผู้ใหญ่ อายุมันไม่ได้บอกความโต เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่ามันไม่สำคัญ

แม่เห็นว่าตอนแรกๆ ที่เก้าคบกับวี รู้ตั้งแต่แรกเลยใช่ไหม?

แม่ก้อย : เหมือนเขาคบกันระยะนึง แล้วก็เราถามเขาเรื่อยๆ เป็นไงมั่ง เขาก็บอกมีคุยๆอยู่ แล้วเราก็พูดชื่อออกไป เขาก็บอกว่ารู้ได้ยังไง ก็บอกว่าเซ้นส์มันบอก

ในสายตาแม่ แม่ว่าน้องเขาน่ารักไหม?

แม่ก้อย : อันนี้เราไม่แสดงความคิดเห็น เพราะว่าเราให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ ก็น่ารัก

ลูกรักใครแม่รักด้วย?
แม่ก้อย : เรารู้สึกว่าความสุขของเขาก็คือความสุขของเรา

แพลนระยะยาวคิดไปไกลขนาดไหนแล้ว?

เก้า : ก็บอกตรงๆ เราอยู่แค่ตอนนี้ก่อน มีความสุขดีก็ไปเรื่อยๆ