นายกฯ แจงการปรับลดวันกักตัว ต้องดูต่างชาติเข้ามาด้วยภารกิจอะไร ยันรัฐบาลทำงานเชิงรุก ไม่ได้ทำงานไปวัน ๆ
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่ ในวันที่ 28 ก.ย.ว่า ในเรื่องของการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้พูดหลายครั้งแล้วว่ามีไว้ใช้เพื่ออะไร ทุกคนต้องยอมรับว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะรอบบ้านของเรา ซึ่งของเรายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและได้รับความชื่นชมมากมาย หลายประเทศพยายามนำบทเรียนของไทยไปดำเนินการ บางที่ก็ไม่ทำกัน เพราะเรากำชับเข้มงวดในมาตรการที่เหมาะสม ในการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่จะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการเปิด ปิดน่านฟ้าได้มีการหารือกันว่าขณะนี้มีปัญหาด้านเศรษฐกิจจะสามารถผ่อนคลายอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในระยะสั้น เพื่อดูแลฐานการผลิตในประเทศไทย ส่วนที่สองเป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเรามีมาตรการในอนาคต ซึ่งจะต้องมีสถานที่ในการกักตัวที่อยู่ระหว่างการพิจารณาที่มีหลายกลุ่มด้วยกัน อาทิ กลุ่มธุรกิจ กลุ่มรักษาพยาบาล กลุ่มนักท่องเที่ยว เราต้องเตรียมแผนในระยะต่อไปที่เป็นการทำงานเชิงรุก ไม่ได้ทำงานไปวัน ๆ ต่อข้อถามว่า จะมีแผนการปรับลดวันกักตัวจาก 14 วันเป็น 7 วันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปดูว่าเขาจะมาภารกิจอะไรบ้าง ถ้ามาจากการท่องเที่ยวจะกักตัว 14 วัน หรือตรวจสอบคัดกรองแล้วจะท่องเที่ยวต่อได้หรือไม่ ในส่วนที่จะเข้ามาในประเทศและใช้เวลาน้อยกว่านั้น เราจะทำแบบที่ต้อนรับ ผบ.ทบ.สหรัฐได้หรือไม่ หากมาตรวจงานเพียงไม่กี่วัน หากกักตัวนานธุรกิจก็เดินหน้าไม่ได้ การมาตรวจพื้นที่ มาดูงาน โดยเฉพาะผู้บริหารที่จะต้องมาดูงาน นี่คือการเตรียมรับมือ นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องเข้าใจ ถ้าเราไปปลุกระดมไม่ให้เข้าใจ ปฏิเสธทุกอย่างไปหมดแล้วจะได้อะไรขึ้นมา จากการที่เราคิดมาตรการต่าง ๆขึ้นมา ต้องฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย