โฆษก ปชป. ยันจุดยืนพรรคแก้ ม.256 ตั้ง ส.ส.ร.

2020-09-25 15:40:36

โฆษก ปชป. ยันจุดยืนพรรคแก้ ม.256 ตั้ง ส.ส.ร.

Advertisement

โฆษก ปชป. ยันจุดยืนพรรคแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.256 ตั้ง ส.ส.ร. เรียกร้องไม่ให้ขยายกรอบระยะเวลาศึกษา 1 เดือน

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  แถลงข่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่มีมติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1 เดือนก่อนลงมติรบหลักการ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันมาโดยตลอดถึงหลักการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 256 รวมถึงการให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อีกทั้งยังมีการขับเคลื่อนผลักดันจนรัฐบาลได้บรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน ซึ่ง ส.ส. ของพรรคก็ได้ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาหาแนวทางในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในชุดที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคเป็นประธาน จนมีการดำเนินการแล้วเสร็จและยื่นรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพรรคจึงไม่หวั่นไหวกับคำกล่าวหา ที่ว่าประชาธิปัตย์ไม่มีจุดยืนในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เป็นความจริง พรรคต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด

นายราเมศ กล่าวต่อว่า พรรคไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญก่อนรับหลักการเหมือนที่เกิดขึ้น มีการบอกล่วงหน้าให้พรรคได้ทราบไม่ถึงชั่วโมง และทันทีที่ทราบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคพร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. ของพรรค จึงได้เรียกประชุม ส.ส. ของพรรคที่ห้อง 210 เพื่อกำหนดท่าทีของพรรค

"ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ทั้งๆ ที่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญควรที่จะได้เดินไปตามครรลอง เหตุผลที่ผมบอกอย่างนั้น เพราะเราได้ศึกษาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมาเยอะ ชุดของท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ศึกษามาแล้วหลายเดือน เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญก่อนรับหลักการนั้น ผมก็อยากตั้งคำถามเหมือนกันว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ขึ้นมาเพื่อศึกษาเรื่องใดอีก คนที่เสนอให้ตั้งและคนที่เห็นด้วยจะต้องตอบคำถามให้ชัดด้วย” นายราเมศกล่าว

เมือ่ถามว่า  ในเมื่อประชาธิปัตย์ลุกขึ้นอภิปรายในที่ประชุมว่าไม่เห็นด้วยกับญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญก่อนรับหลักการ แต่เหตุใดจึงต้องส่ง ส.ส. ไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ นายราเมศ กล่าวว่า พรรคมีความจำเป็นที่จะต้องตั้งบุคคลเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย เพราะพรรคได้ยืนยันเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 256 และการตั้ง ส.ส.ร. รวมไปถึงอีกหลายประเด็น เช่น เรื่องสิทธิ เสรีภาพ สิทธิกระบวนการยุติธรรม สิทธิชุมชน และอีกหลายมาตรา รวมถึงการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่พรรคฯ เตรียมไว้สำหรับการพูดคุยใน ส.ส.ร. ดังนั้นพรรคจึงจำเป็นต้องส่ง ส.ส. เข้าร่วมในคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นมาก่อนรับหลักการชุดนี้ด้วย เพื่อเป็นการควบคุมในประเด็นที่พรรคฯ พยายามนำเสนอ

“ถ้าเกิดประชาธิปัตย์เราไม่ส่ง เราจะไปควบคุมประเด็นได้อย่างไร เราต้องตามกลับไปเพื่อที่จะควบคุมประเด็นว่า ประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตราที่เราได้ยื่นญัตติไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นที่จะต้องไปดูในรายละเอียด ควบคุมให้อยู่ในหลักการของพรรคฯ ว่า เรายืนยันอย่างหนักแน่นในการที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อตั้งคณะกรรมาธิการมีกรอบระยะเวลา 30 วัน ผมก็เรียกร้องว่า อย่าขยายกรอบระยะเวลาของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าว เพราะปิดสมัยประชุมครั้งนี้ 2 เดือน ฉะนั้นมีเวลา 2 เดือนที่จะเตรียมการให้พร้อม เมื่อเปิดสมัยประชุมมา ก็ต้องเข้าสู่โหมดวาระรับหลักการว่า จะรับหรือไม่รับในวาระที่ 1 แม้ตอนนี้จะตอบไม่ได้ว่าสมาชิกรัฐสภาจะเห็นพ้องไปในทิศทางใด แต่ผมตอบได้ในฐานะที่ผมเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่าเรายืนยันเปิดรับหลักการในสมัยประชุมหน้า วาระแรกในเรื่องรับหลักการ ประชาธิปัตย์จะรับหลักการที่เราได้เสนอต่อรัฐสภา คือแก้ไขมาตรา 256 และให้มี ส.ส.ร.” นายราเมศ กล่าว