คุมตัว “หนุ่มคลั่ง” บุกฟันพระดับคากุฏิทำแผน แค้นใจขอเงินซื้อยาบ้าไม่ให้

2020-09-24 16:55:43

คุมตัว “หนุ่มคลั่ง” บุกฟันพระดับคากุฏิทำแผน แค้นใจขอเงินซื้อยาบ้าไม่ให้

Advertisement

ตำรวจ สภ.เมืองสรวง คุมตัวหนุ่มคลั่ง ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุบุกฟันพระเเสียชีวิตคากุฏิ 1 รูป และบาดเจ็บอีก 1รูป  

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.นพ นรชาญ ผกก.สภ.เมืองสรวง พ.ต.ท.สุทัศน์ อุทาโส รอง ผกก.สืบสวน พ.ต.ท. คูณทวี วันทะไชย สว.(สอบสวน) ร.ต.อ.จรัญ มาลาบาน รองสารวัตรสอบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และสายตรวจ สภ.เมืองสรวง คุมตัวนายอัจฉริยะ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี (ผู้ต้องหา) ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่วัดกกกุงวนาราม ต.กกกุง อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด โดยผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้ากุฏิของพระณฐกร ดีทองหลาง อายุ 34ปี พระลูกวัดที่มรณภาพ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้อง ใช้มีดโต้ฟันใส่พระณฐกร 2 ครั้ง ที่กลางศีรษะเป็นแผลใหญ่ 1แผล และลำคอเป็นแผลเหวอะ 2แผล จนล้มลงแน่นิ่ง จากนั้นได้บุกไปฟันประตูกุฏิซึ่งอยู่ข้างกัน แล้วเข้าไปในกุฏิฟันเข้าที่ศีรษะพระประวัติ กุลนา 3แผล ที่ไหล่ขวา 1แผล จนได้รับบาดเจ็บ พระประวัติได้ต่อสู้ขัดขืนโดยดันตัวผู้ต้องหาติดกำแพงห้อง ก่อนคนร้ายอ่อนแรงและรีบวิ่งไปขับ จยย.ที่จอดไว้หลบหนี ไปหลบซ่อนตัวที่บ้านพัก ห่างจากวัดประมาณ 800เมตร เจ้าหน้าที่บุกตามจับกุม และเกลี้ยกล่อมอยู่ประมาณ 2 ประมาณ 20 นาทีผู้ต้องหาไม่ยอมวางมีดพยายามต่อสู้ขัดขืน เจ้าหน้าที่จำนวน 7 นายจึงใช้ไม้ง่ามเข้าควบคุมโดยผู้ต้องหาได้ใช้มีดฟันสวนถูกแขนเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเป็นแผลยาวที่ข้อมือได้รับบาดเจ็บ อีกนายกางเกงถูกมีดฟัน จนขาดก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งไปสอบสวน ช่วงเวลา 23.00 น.วันเดียวกัน ก่อนคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

พระประวัติ ที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงจักรยานยนต์ขี่มาจอดใกล้กุฏิ ก่อนจะได้ยินเสียงมีดฟันพังประตูเข้ามาทำร้าย โดยใช้มีดอีโต้ฟันเข้าที่ศีรษะและหัวไหล่ ซึ่งอาตมาก็พยายามต่อสู้โดยใช้มือดันผู้ต้องหาชิดฝาผนัง จนสู้แรงไม่ไหว ผู้ต้องหาเลยบอกให้ปล่อย จะไม่ทำอะไรแล้ว ผู้ต้องหาได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป ตนจึงรีบไปดูพระณฐกร ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงประสานชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ




ทั้งนี้ ผู้ต้องหาเคยบวชเป็นพระ ซึ่งอยู่วัดใกล้กัน แต่ได้ลาสิกขาออกไปเพราะถูกจับได้ว่า เสพยาบ้า หลังจากนั้นก็จะชอบเข้ามาที่วัดเพื่อขอขนม ขอเงินและบุหรี่อยู่เป็นประจำ โดยครั้งล่าสุดได้มาขอเงินพระณฐกร แต่ถูกปฏิเสธ จึงคาดว่าอาจจะเป็นปมเหตุในการลงมือครั้งนี้ นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุเคยชกต่อยเจ้าอาวาสวัดกกกุงมาแล้ว 1ครั้ง และเจ้าอาวาสวัดบ้านใกล้กันอีก 1ครั้งจนเป็นที่เอือมระอาของพระและชาวบ้าน

ยายเพ็ญศรี ชาวบ้านกกกุง เล่าว่า พระณฐกร เป็นพระที่มีนิสัยโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านก็รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุสลดภายในวัดที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านกกกุง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการกับผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด



เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ตั้งข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.พยายามฆ่าผู้อื่น 3.ต่อสู้คัดขวางการปฏิบัติของเจ้าพนักงาน 4.พกอาวุธมีดในเมืองหรือหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.บุกเคหะสถานในเวลากลางคืน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้คุมตัวผู้ต้องหา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เวลา 21.30น. วันที่ 23 ก.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บและเสียชีวิต ภายในวัดกกกุงวราราม หมู่1 ต.กกกุง อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบพร้อมกู้ภัยอโสกเมืองสรวง แพทย์เวร รพ.เมืองสรวง ถึงจุดเกิดเหตุเป็นห้องพักภายในกุฎิ พบศพพระภิกษุนอนหงายอยู่บนที่นอนภายในห้อง ทราบชื่อคือพระนฐกร ดีทองหลาง อายุ 34 ปี พระลูกวัด วัดกกกุงวราราม ตรวจสอบพบบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคม เป็นแผลยาวจากบริเวณโพรงจมูกถึงกลางศรีษะด้านบน และต้นคอข้างซ้ายเป็นแผลฉกรรย์หวิดขาด เลือดไหลนองเต็มพื้น ห้อง เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงทำการชันสูตรพลิกศพ ก่อนมอบให้ญาติรับดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ยังพบพระได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป มีแผลถูกฟันบริเวณศรีษะและหัวไหล่ด้านขวา ทราบชื่อว่าพระประวัติ กุลนา อายุ 36 ปี

จากการสอบสวนพระลูกวัด เล่าว่าก่อนเกิดเหตุพระณฐกร ได้เข้าจำวัดภายในกุฏิ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ซึ่งทราบในเวลาต่อมาว่า พระณัฐกรถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในห้องภายในกุฎิ ซึ่งคาดว่าก่อนหน้าที่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับชายคนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นปมในการก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่



โดยล่าสุดเมื่อเวลา 22.15 น. ของวันที่ 23 ก.ย.63 ชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่บ้านพัก ซึ่งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 800 เมตร ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายอัจฉริยะ ธุรพันธ์ อายุ 37 ปี อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ในถือมีดทั้งสองมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อม ก่อนจะเข้าจับกุม แต่ในระหว่างนั้นเกิดการต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงควบคุมตัวไว้ได้ พร้อมของกลางมีดอีโต้ 1 เล่ม และมีดปังตอยาว 1 เล่ม ซึ่งเปื้อนเลือดทั้ง 2 เล่ม โดยนายอัจฉริยะ ยังไม่ยอมให้การวกวนคล้ายคนมึนเมา

นายอัจฉริยะให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุฆ่าพระณฐกรจริงและทำร้ายพระประวัติจริง เนื่องจากมีปากเสียงทะเลาะกันเบาะแว้งกัน ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าไปภายในวัด เพื่อจะเข้าไปขอเงินพระณฐกรเพื่อจะเอาไปเสพยาบ้า แต่พระณฐกรไม่ให้ จึงได้ทะเลาะเบาะแว้งมีปากเสียงกัน ก่อนจะใช้มีดที่เตรียมมาทำร้ายพระทั้ง 2 รูป ก่อนจะขับรถหลบหนีไป ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า นายอัจฉริยะเคยมีคดีเสพยาบ้า ส่วนแรงจูงใจคาดว่าอาจจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจากการใช้สารเสพติด (ยาบ้า) จนเป็นชนวนเหตุจูงใจให้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้