ประสบการณ์ดี ทัศนคติเริ่ด “แอนนี่ บรู๊ค” เล่าชีวิตพลิกผันจากอินเตอร์สู่สามัญ

2020-09-23 16:35:57

ประสบการณ์ดี ทัศนคติเริ่ด “แอนนี่ บรู๊ค” เล่าชีวิตพลิกผันจากอินเตอร์สู่สามัญ

Advertisement

แบ่งปันประสบการณ์ตรง “แอนนี่ บรู๊ค” เล่าชีวิตพลิกผันจากอินเตอร์สู่สามัญ ของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ยอมสู้ทนทุกอย่างเพื่อลูก ฝั่งชาวเน็ตแห่ชื่นชมทัศนคติการประคองชีวิต

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องยกตำแหน่ง เก่ง สตรอง และน่ายกย่องให้สุดๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับสาว “แอนนี่ บรู๊ค” คุณแม่คนสวยของ “น้องฑีฆายุ” วึ่งหากใครที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวหรือการใช้ชีวิตอยู่ตลอด ก็จะทราบดีว่า เป็นคู่หูแม่ลูกที่เข้มแข็งสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือกระทั่งการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ที่ต้องพลิกจากจุดที่เพียบพร้อม ระดับอินเตอร์มาอยู่ในระดับสามัญธรรมดาแต่ทว่ามีความสุขสุดๆ






ซึ่งล่าสุด “แอนนี่ บรู๊ค” ก็ได้ออกมาแชร์โพสต์เก่าที่เจ้าตัวได้เคยโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 1 ส.ค. เพื่อแบ่งประสบการณ์ของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องสู้ ต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขจากระดับอินเตอร์สู่สามัญผ่านเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ ว่า…

“แบ่งประสบการณ์ จากอินเตอร์สู่สามัญ

ด้วยพิษเศรษฐกิจที่ทุกวงการ ทุกอาชีพระส่ำระส่าย หาเงินฝืดเคืองเรียกว่าหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่สำหรับแอน แอนว่าตัวเองเป็นคนไม่อยู่เฉยและมองหาช่องทางทำมาหากินอยู่ตลอดเวลา ถึงช่วงที่หาเงินยากก็จะพยายาม หาให้ได้เพื่อลูก...

ตอนเล็กนั้นฑีเรียนอนุบาลเทอมนึงก็หลายอยู่ เพราะโรงเรียนใกล้บ้านที่บางนา ของผู้ใหญ่ที่ช่วยดูแลน้องเวลาที่แอนทำงาน ค่าเทอมถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงแพง แต่ด้วยวัยตอนนั้นแค่ 33 ยังไหวต่องานหนัก จึงไม่มีปัญหา.....






วันคืนผ่านไป เด็กชายขึ้น ป.1 ด้วยความที่เห็นลูกเก่งภาษาและตัวน้องขอเรียนโรงเรียนที่มีฝรั่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ออกจากปากน้องจริงๆ..… เราจึงเดินทางต่างประเทศอีกครั้งเพื่อหาเงินทุนในการเรียน ใช้เงินหลายแสนในการเริ่มต้นและยังมีค่าเทอมต่อๆ มาทุกเทอม แต่น้องใฝ่เรียนและคะแนนเต็มเกือบทุกวิชาจึงยอมให้น้องเรียน...

อันว่าโรงเรียนอินเตอร์นั้นดี ตรงที่เด็กอิสระ เรียนๆ เล่นๆ มีทุกอย่างในการเรียนต่อสัปดาห์ พ่อแม่แทบไม่ต้องหาเรียนพิเศษ ไม่ต้องเจอสอบ โอเนทเอเนทอะไรมากมาย หรือสอบเข้าโรงเรียนให้เครียด จะเข้าก็เข้าเลย จ่ายตังค์จบ เด็กก็คุยกันภาษาอังกฤษซะส่วนมาก (ได้ความอินเตอร์ไปเต็มๆ) ซึ่งเป็นส่วนแข็งของโรงเรียนอินเตอร์

แต่อย่าลืม สังคมแบบนี้ย่อมแลกมาด้วยกิจกรรมที่แสนแพง เทศกาล ไทย + เทศแต่ละปี อย่างเยอะบางทีหาเสื้อผ้ากันแทบไม่ทัน น้อยหน้ากันก็ไม่ได้ เป็นการสร้างค่านิยมหัวสูงให้ลูกโดยเราไม่รู้ตัว






พอป. 2 ผ่านไป ค่าใช้จ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น.. ประกอบกับ น้องเริ่มโตและเริ่มอยากอยู่ใกล้แม่มากยิ่งขึ้น.....… นั่งมองเงินในบัญชี กับพิจารณาค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน แต่ละปีผ่านไป ทุกเหตุผลบวกกัน จนเราต้องทิ้งงาน ทิ้งเงินที่ว่าหาได้ง่าย (#ถึงหาง่ายแต่ถ้ายังต้องจ่ายค่าเทอมและชีวิตที่แสนแพงก็ไม่เหลืออยู่ดี) เพื่อลดอัตราชีวิตลง แต่ได้อยู่ใกล้ชิดและดูแลลูกมากขึ้น

ตอนนี้ก็ไม่ได้มีหรือร่ำรวยและยังคงหางานทำอยู่ตลอดแต่มุมมองก็เปลี่ยนไปคือต้องหางานที่เราดูแลลูกได้และเซฟค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงด้วยในจุดนี้ จึงมองหาโรงเรียนใหม่ซึ่งไม่ง่ายเลย ใครเป็นพ่อแม่ย่อมรู้ดี และเปลี่ยนจากอินเตอร์มาธรรมดามันต้องเข้ากลางเทอม ! ต้องหาโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนที่รองรับเด็กเข้ากลางเทอมแบบนี้

โชคดีที่ไถ่ถามเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ข่าวจึงลองไปดูเห็นชอบเลยให้เรียนเลย ตอนแรกกลัวมาก เพราะน้องไม่เอาเลยนั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา






แต่สุดท้ายเราให้เหตุผลที่ดี บอกความจริงถึงสถานการณ์ในชีวิต ทุกอย่าง พอไปหลายวันเข้าและปรับชีวิตกันอยู่พักหนึ่งเรื่องดีๆ ในการเข้าเรียนก็ตามมา...... ที่สำคัญ ค่าเทอมไม่แพงมาก กิจกรรมไม่เยอะมาก ไม่ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ และความเฮี้ยบของครูไทยดีกว่าอินเตอร์ตรงที่อัตราการแกล้งกันแรงๆ มีน้อย

น้องเคยเล่าว่าอยู่โรงเรียนเก่าโดยจับกดน้ำในสระว่ายน้ำ, โดนมัดอยู่ในถุงดำแทบหายใจไม่ออก,โดนดินสอแทงเลือดอาบกลับบ้านทุกวันนี้ไส้ดินสอยังปักคาหลังอยู่เลย เพราะความอินเตอร์มันอิสระมากเกิน (บางที่) แต่ที่นี่ไม่มีเรื่องแบบนี้กวนใจ (มีนิดหน่อยตามประสาเด็กๆ แต่ไม่รุนแรงมาก)




อาหารกลางวันมีให้ทานไม่เสียเงิน ทุกวันนี้มีความสุขตามอัตราที่มีที่เป็นอยู่ มีบ้างที่หนักๆ จนท้อแต่ก็ไม่ถอย มีตัวเองและลูกเป็นกำลังใจมาตลอด และส่วนตัวเอง ตัดขาด สิ่งฟุ่มเฟือยทั้งหมด ไม่เที่ยวไม่ซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอาง และยังคอยมองหาช่องทางในการทำมาหากินและคอยไถ่ถามไอเดียใหม่ๆ จากคนรอบข้างอยู่เสมอ



บางทีการลดการไต่ระดับลง ลดอัตราลง เราอาจจะพบกับความสุขมากกว่าเดิมก็เป็นได้ สิ่งที่ต้องทำคือ "หยุด" ทบทวน. อะไรบ้างที่มันเกินไปกับชีวิตก็ให้ลดลง อะไรที่ขาดหายก็ให้เติม แล้วชีวิต ...#ไม่ต้องดีพอสำหรับใครหรอก แต่พอดีกับตัวเองให้มีชีวิตต่อไปได้ก็พอ ทุกอย่างแก้ได้ ยังไม่สายเกินไป คุณภาพของชีวิต เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง”

ซึ่งหลังจากที่ข้อความดังกล่าวของสาว “แอนนี่ บรู๊ค” ถูกนำมาแชร์อีกครั้งแล้วนั้น ต่างก็มีบรรดาแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์เห็นด้วย และชื่นชอบทัศนคติและการดำเนินชีวิตของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งคนเก่งคนนี้กันอย่างล้นหลาม 




ขอบคุณเฟซบุ๊ก : แอนนี่ ฑีฆายุ

ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม : annie_teekayu