"ซูเปอร์โพล" ชี้ "พลังเงียบ" หนุน "พรรคการเมืองใหม่" ไม่โกงกิน-ไม่ทำให้แตกแยก ชู "ธนาธร" จับมือ รบ.ช่วยกู้วิกฤตชาติ
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง พลังเงียบ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,651 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-19 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า สัดส่วนของผู้สนับสนุนรัฐบาล ไม่สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มพลังเงียบ กระจายตัวแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ ใกล้เคียงกัน คือ ร้อยละ 33.9 สนับสนุนรัฐบาล ร้อยละ 29.6 ไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 36.5 ระบุว่าตัวเองเป็นพลังเงียบ ขออยู่ตรงกลาง และเมื่อทำการวิเคราะห์แนวโน้มจุดยืนการเมืองของประชาชนตั้งแต่เดือน มี.ค.2563 ถึง ช่วงม็อบ 19 ก.ย.พบว่า แนวโน้มกลุ่มคนสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 21.8 ในช่วงเดือน ก.ค. มาอยู่ที่ร้อยละ 33.9 ในช่วงม็อบ 19 ก.ย. ขณะที่กลุ่มคนไม่สนับสนุนรัฐบาลลดน้อยลงจากร้อยละ 57.3 ในการสำรวจช่วงเดือน ก.ค. เหลือร้อยละ 29.7 ในการสำรวจล่าสุด และที่น่าพิจารณา คือ กลุ่มคนที่ระบุเป็นพลังเงียบเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 20.9 ในช่วงเดือน ก.ค. ขึ้นมาอยู่สูงสุดที่ร้อยละ 36.5 ในช่วงม็อบ 19 ก.ย.
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามถึงความตั้งใจที่จะเลือกพรรคการเมืองถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า กลุ่มพลังเงียบส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 82.5 ระบว่าจะเลือกพรรคที่เป็นพรรคการเมืองใหม่ ไม่สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ ไม่โกงกิน มีผลงานลดความเดือดร้อนของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 5.3 ระบุว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 4.0 จะเลือกพรรคก้าวไกล ร้อยละ 0.8 เท่านั้นจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 7.4 จะเลือกพรรคอื่นๆ อย่างไรก็ตามกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลขณะนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 53.5 จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ แต่ร้อยละ 30.3 จะเลือกพรรคที่เป็นการเมืองใหม่ ไม่สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ ไม่โกงกิน มีผลงานลดความเดือดร้อนของประชาชน ที่น่าสนใจ คือ ในกลุ่มนี้ร้อยละ 5.2 จะเลือกพรรคก้าวไกล ร้อยละ 2.3 จะเลือกพรรคเพื่อไทย และร้อยละ 8.7 จะเลือกพรรคอื่นๆ
แต่ที่น่าพิจารณา คือ ในกลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาล ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.7 จะเลือกพรรคที่เป็นการเมืองใหม่ ไม่สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ ไม่โกงกิน มีผลงานลดความเดือดร้อนของประชาชน รองลงมาคือร้อยละ 9.2 จะเลือกพรรคก้าวไกล ร้อยละ 9.0 จะเลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 1.4 จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 5.7 จะเลือกพรรคอื่นๆ นอกจากนี้ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่ของกลุ่มพลังเงียบ หรือร้อยละ 65.0 เห็นด้วยถ้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพวก หันหน้ามาร่วมมือกับรัฐบาลแก้วิกฤตชาติและประชาชน กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลส่วนใหญ่เช่นกันหรือร้อยละ 64.0 และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.7 เห็นด้วยถ้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพวก หันหน้าเข้ามาร่วมมือกับรัฐบาลแก้วิกฤตชาติและประชาชนร่วมกัน
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชี้ชัดว่า กลุ่มพลังเงียบกำลังเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในเวลานี้ และกำลังต้องการพรรคการเมืองที่เป็นการเมืองใหม่ ไม่สร้างความแตกแยกให้คนในชาติ ไม่โกงกิน และช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชนได้ และกลุ่มอื่นๆ ก็เช่นกัน จะเหลือกลุ่มที่เป็นแฟนคลับจริงๆ ที่เป็นตะกอนอยู่เพียงไม่เท่าใดในแต่ละพรรคการเมืองแบบเดิมๆ แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายต่อการเมืองแบบเก่า ต้องการการเมืองใหม่และคนรุ่นใหม่ที่น่าไว้วางใจได้เข้ามาแทน แต่ถ้าไม่มีคนแทน ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นกลุ่มการเมืองที่กำลังขัดแย้งกันในเวลานี้หันหน้าเข้าหากันมากกว่าเผชิญหน้ากันในการแก้ไขวิกฤตชาติ และวิกฤติของประชาชน