จนท.อุทยานหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ สำรวจพบฝูงปลาเชิงพาณิชย์ 4 สายพันธุ์ นับแสนตัวหากินเกาะบิด๊ะนอก เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เผย ทะเลได้ฟื้นตัวกลับมามีความอุดมสมบูรณ์หลังโควิด-19
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ นำกำลังชุดนักประดาน้ำของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี และฝ่ายศึกษาวิจัยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นรอบที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ บริเวณโดยรอบเกาะบิด๊ะนอก เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี หมู่ที่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ปรากฏว่าสภาพพื้นที่ใต้ท้องทะเลที่ระดับน้ำลึก10 – 20 เมตร ยังมีแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์อยู่เป็นจำนวนมาก และเพิ่มปริมาณอย่างต่อเนื่องเพราะยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันนักดำน้ำต้องตกตะลึงและแปลกใจกับปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เมื่อพบกับฝูงปลาเชิงการพาณิชย์ที่ผู้ประกอบการประมงต้องการ เช่น ปลากะพงข้างเหลือง ปลากะพงเหลืองตาโต ปลาสากบั่ง และปลาสากหางดำ ได้เข้ามาอาศัยและหากินอาหารอย่างสบายใจและอิ่มท้องนับแสนตัว โดยไม่ได้เกรงกลัวนักดำน้ำแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ฝูงปลานับแสนตัวเข้ามาหากิน เพราะบริเวณดังกล่าวไม่มีการถูกรบกวนและถูกทำลายจากการท่องเที่ยวมาเป็นระยะเวลากว่า 7 เดือน
นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวว่า การออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการป้องกันป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี ซึ่งปัจจุบันยังมีชาวประมงที่พยายามจะลับลอบเข้าจับสัตว์น้ำในเขตดังกล่าว เนื่องจากยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ทั้งสัตว์น้ำที่ใกล้จะสุญพันธุ์และหายาก รวมถึงสัตว์น้ำในเชิงการทำประมงพาณิชย์ ซึ่งจากการออกตรวจและสำรวจรอบบริเวณเกาะบิด๊ะนอก ไม่พบมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการประมง ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในเขตอุทยานมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะสัตว์น้ำเข้ามาอยู่อาศัยหลายสายพันธุ์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีการดูแลรักษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากบุคคลใดเข้ามาทำการประมงจะมีความผิดถูกดำเนินคดีและยึดเรือพร้อมอุปกรณ์ที่กระทำความผิดด้วย
