“ไพบูลย์” ยื่นญัตติด่วนเสนอศาล รธน.ตีความปมฝ่ายค้านลงชื่อ 4 ญัตติ

2020-09-16 15:20:25

“ไพบูลย์” ยื่นญัตติด่วนเสนอศาล รธน.ตีความปมฝ่ายค้านลงชื่อ 4 ญัตติ

Advertisement

“ไพบูลย์” ยื่นญัตติด่วน “ชวน” เสนอรัฐสภาพิจารณาส่งศาล รธน.ตีความปม ส.ส.ฝ่ายค้านลงชื่อแก้ไข รธน.ซ้ำ 4 ฉบับ 

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.  ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)   ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ เพื่อขอเสนอญัตติด่วนให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตาม มาตรา210 (2) ของรัฐธรรมนูญ กรณี มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา256 (1) 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวน4ฉบับ ที่ยื่นต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า รายชื่อ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านไปซ้ำกับการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 ฉบับ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ซึ่งประธานรัฐสภาได้สั่งบรรจุร่างฯเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาแล้ว จึงมีปัญหาทางข้อกฎหมายเกี่ยวกับเจตนารมณ์ ว่าส.ส.มีอำนาจลงนามเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้คราวละ 1 ฉบับหรือลงนามเสนอได้คราวละหลายฉบับ ดังนั้นการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมอีก 4 ฉบับไม่ถูกต้อง เนื่องจากเคยมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ฉบับลงวันที่ 29 ม.ค.63 จากกรณีที่มี ส.ส.77 คน ส่งเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแก่รัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องพิจารณาที่ 3/2563 ซึ่งมีลายมือชื่อของ ส.ส.ผู้เสนอความเห็นซ้ำกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 30 คน


นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น กรณีการลงลายมือชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 4 ฉบับของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เสนอ มีการลงลายมือชื่อซ้ำกันทุกฉบับ จึงมีลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 และกรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมที่จะอยู่ในอำนาจวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานรัฐสภาว่ามีญัตติมีหลักการซ้ำกันหรือไม่ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา256 (1) จะให้อำนาจ ส.ส. และส.ว.ลงลายมือชื่อเสนอร่างได้คราวละฉบับหรือลงลายมือชื่อเสนอได้หลายฉบับก็ได้ในคราวเดียวกัน

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นยังมีข้อโต้แย้งว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคร่วมฝ่ายค้านฉบับแรก เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมทั้งฉบับยกเว้นหมวด1 หมวด2 ซึ่งมีผลร่างฯฉบับแรกให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตราในหมวด 3ถึงบทเฉพาะกาล ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเดิมอีก 4 ฉบับ ให้แก้ไขมาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 279มาตรา159และมาตรา272 จึงซํ้ากับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับแรก นอกจากนี้ยังมีข้อโต้แย้งอีกประการหากส.ส.มีอำนาจลงนามเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้คราวละหลายฉบับ จะสร้างปัญหาให้การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยซึ่งสมาชิกรัฐสภามีจำนวน 750 คน จะต้องใช้เวลาเรียกชื่อและลงคะแนนญัตติละหลายชั่วโมง ซึ่งหากออกเสียงลงคะแนนหลายญัตติอาจจะใช้เวลาทั้งวัน ดังนั้นปัญหาเหล่านี้จึงเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาวินิจฉัย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรักษาหลักการแห่งรัฐธรรมนูญ  ดังนั้นตนจึงขอเสนอญัตติด่วนตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563ข้อ31ประกอบข้อ15 วรรคสอง ขอให้ท่านประธานรัฐสภาโปรดพิจารณาบรรจุระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาเป็นญัตติด่วน ให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 210 (2) ของรัฐธรรมนูญ กรณี มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) ดังที่กล่าวมาข้างต้น