“ทนายเจมส์” ชี้แจง “ไมค์” แค่ยื่นขอสิทธิ์ดูแลลูก ไม่ได้จะพรากออกจากแม่

2020-09-15 10:00:13

“ทนายเจมส์” ชี้แจง “ไมค์” แค่ยื่นขอสิทธิ์ดูแลลูก ไม่ได้จะพรากออกจากแม่

Advertisement

ขอให้จบลงด้วยดี “ทนายเจมส์ นิติธร” โพสต์ข้อความชี้แจง หลัง “ไมค์ พิรัชต์” ยื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วม “ซาร่า” เผยเคสนี้แค่ขอสิทธิ์ ไม่ใช่การพรากแม่กับลูกออกจากกัน

หลังจากที่นักร้องและนักแสดงหนุ่มชื่อดัง “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ได้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อยื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับอดีตแฟนสาว “ซาร่า คาซิงกินี” เพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกชาย เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมาและทางฝ่ายคนเป็นแม่อย่างสาวซาร่า ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยการแต่งตั้งทนายความให้มาที่ศาลเพื่อสู้กับทางหนุ่มไมค์ เพราะไม่อยากจะเสียลูกชายสุดที่รัก “น้องแม็กเวลล์” ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไปแล้วนั้น

(อ่านข่าว : หวั่นเสียลูก “ซาร่า” แต่งตั้งทนายพร้อม ผจก. ไปศาล หลัง “ไมค์” ยื่นขอสิทธิ์ดูแลลูก)






ในวันเดียวกัน ทนายความชื่อดังอย่าง “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ทนายผู้รับมอบอำนาจของหนุ่มไมค์ ก็ได้ออกโพสต์ข้อความร่ายยาว ชี้แจงเกี่ยวกับคดีนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก “ทนายเจมส์ LK” ให้ได้ทราบว่า…

“บนเส้นทางสายกฎหมาย คดีนี้ นับเป็นคดีที่ ๓ ที่ ฝ่ายชายขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่า เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพบได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่มีแต่ฝ่ายหญิงที่ต้องฟ้องฝ่ายชายให้รับผิดชอบ



ที่ผ่านมาถ้าผู้ชายทำผู้หญิงท้อง โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ชายมักจะปัดความรับผิดชอบทันที ไม่ช่วยเหลือค่าอุปการะเลี้ยงดูใดๆ ทั้งสิ้น จนฝ่ายหญิงจะต้องใช้สิทธิทางศาล เพื่อฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากฝ่าชาย




ต่างจากเคสนี้ ฝ่ายชายแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูมาโดยตลอด ทั้งที่ ยังไม่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ยังไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่มีสิทธิในการปกครองบุตรแม้แต่น้อย

ในคดีครอบครัว สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด คือ การใช้เด็กเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ถ้าไม่จ่ายเงิน หรือ จ่ายน้อย หรือ ไม่จ่ายตามที่ต้องการ ก็ไม่ให้เจอบุตร ซึ่งควรแยกแยะให้ออกระหว่างความสัมพันธ์ของบิดามารดาและบุตร กับความสะใจ การเอาชนะ หรือ เรื่องส่วนตัว



ไม้ตายสุดท้ายของผู้ที่ต้องการให้บุตรอยู่กับตัวเอง คือ การปั่นหัวเด็กให้เกลียดอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้เด็กไปอยู่กับอีกฝ่าย จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ




พ่อสาดโคลนใส่แม่ แม่สาดโคลนใส่พ่อ พ่อก็ไม่ดี แม่ก็ไม่ดี แล้วลูกจะเหลืออะไร ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า ลูกเกิดมาจากสิ่งที่ไม่ดีงั้นหรอ ?

ให้นึกถึงหน้าเด็กเวลาที่เห็นพ่อแม่เถียงกันในบัลลังก์ต่อหน้าศาล เป็นภาพที่หดหู่มากนะครับ



เคสนี้ผมนับถือน้ำใจน้องไมค์มากครับ ไม่เคยคิดจะเอาบุตรมาอยู่กับตัวเอง เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ เด็กย้ายที่อยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดี เด็กอาจจะสับสน และเหนื่อยกับการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา




วันนี้น้องไมค์ขอแค่ให้ศาลสั่งว่าเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอมีอำนาจปกครองร่วมกับแม่เด็ก และขอสิทธิเยี่ยมเยียนตามสมควรบ้าง ไม่ใช่พรากแม่กับลูกออกจากกันนะครับ

ถ้าอ่านคำขอท้ายฟ้องจะชัดเจนครับ ลายลักษณ์อักษรโกหกไม่เป็นแน่นอนครับ

“แม้ว่าคนสองคนจะรักษาความรักเอาไว้ไม่ได้ แต่ยังคงเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้เสมอ”




ให้ยึดประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้ง อะไรจบได้ ก็จบ สาวไส้กันในศาลไม่ใช่เรื่องดีนะครับ อย่าหาทำ สงสารเด็กครับ

ขอให้จบลงด้วยดีนะครับ”




ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ทนายเจมส์ LK

ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม : m1keangelo , sarahcasinghini