ขอให้จบลงด้วยดี “ทนายเจมส์ นิติธร” โพสต์ข้อความชี้แจง หลัง “ไมค์ พิรัชต์” ยื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วม “ซาร่า” เผยเคสนี้แค่ขอสิทธิ์ ไม่ใช่การพรากแม่กับลูกออกจากกัน
หลังจากที่นักร้องและนักแสดงหนุ่มชื่อดัง “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ได้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อยื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับอดีตแฟนสาว “ซาร่า คาซิงกินี” เพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกชาย เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมาและทางฝ่ายคนเป็นแม่อย่างสาวซาร่า ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยการแต่งตั้งทนายความให้มาที่ศาลเพื่อสู้กับทางหนุ่มไมค์ เพราะไม่อยากจะเสียลูกชายสุดที่รัก “น้องแม็กเวลล์” ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไปแล้วนั้น
(อ่านข่าว : หวั่นเสียลูก “ซาร่า” แต่งตั้งทนายพร้อม ผจก. ไปศาล หลัง “ไมค์” ยื่นขอสิทธิ์ดูแลลูก)
ในวันเดียวกัน ทนายความชื่อดังอย่าง “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ทนายผู้รับมอบอำนาจของหนุ่มไมค์ ก็ได้ออกโพสต์ข้อความร่ายยาว ชี้แจงเกี่ยวกับคดีนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก “ทนายเจมส์ LK” ให้ได้ทราบว่า…
ต่างจากเคสนี้ ฝ่ายชายแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูมาโดยตลอด ทั้งที่ ยังไม่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ยังไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่มีสิทธิในการปกครองบุตรแม้แต่น้อย
พ่อสาดโคลนใส่แม่ แม่สาดโคลนใส่พ่อ พ่อก็ไม่ดี แม่ก็ไม่ดี แล้วลูกจะเหลืออะไร ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า ลูกเกิดมาจากสิ่งที่ไม่ดีงั้นหรอ ?
วันนี้น้องไมค์ขอแค่ให้ศาลสั่งว่าเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอมีอำนาจปกครองร่วมกับแม่เด็ก และขอสิทธิเยี่ยมเยียนตามสมควรบ้าง ไม่ใช่พรากแม่กับลูกออกจากกันนะครับ
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ทนายเจมส์ LK ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม : m1keangelo , sarahcasinghini
“บนเส้นทางสายกฎหมาย คดีนี้ นับเป็นคดีที่ ๓ ที่ ฝ่ายชายขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่า เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพบได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่มีแต่ฝ่ายหญิงที่ต้องฟ้องฝ่ายชายให้รับผิดชอบ
ที่ผ่านมาถ้าผู้ชายทำผู้หญิงท้อง โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ชายมักจะปัดความรับผิดชอบทันที ไม่ช่วยเหลือค่าอุปการะเลี้ยงดูใดๆ ทั้งสิ้น จนฝ่ายหญิงจะต้องใช้สิทธิทางศาล เพื่อฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากฝ่าชาย
ในคดีครอบครัว สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด คือ การใช้เด็กเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ถ้าไม่จ่ายเงิน หรือ จ่ายน้อย หรือ ไม่จ่ายตามที่ต้องการ ก็ไม่ให้เจอบุตร ซึ่งควรแยกแยะให้ออกระหว่างความสัมพันธ์ของบิดามารดาและบุตร กับความสะใจ การเอาชนะ หรือ เรื่องส่วนตัว
ไม้ตายสุดท้ายของผู้ที่ต้องการให้บุตรอยู่กับตัวเอง คือ การปั่นหัวเด็กให้เกลียดอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้เด็กไปอยู่กับอีกฝ่าย จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
ให้นึกถึงหน้าเด็กเวลาที่เห็นพ่อแม่เถียงกันในบัลลังก์ต่อหน้าศาล เป็นภาพที่หดหู่มากนะครับ
เคสนี้ผมนับถือน้ำใจน้องไมค์มากครับ ไม่เคยคิดจะเอาบุตรมาอยู่กับตัวเอง เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ เด็กย้ายที่อยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดี เด็กอาจจะสับสน และเหนื่อยกับการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
ถ้าอ่านคำขอท้ายฟ้องจะชัดเจนครับ ลายลักษณ์อักษรโกหกไม่เป็นแน่นอนครับ
“แม้ว่าคนสองคนจะรักษาความรักเอาไว้ไม่ได้ แต่ยังคงเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้เสมอ”
ให้ยึดประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้ง อะไรจบได้ ก็จบ สาวไส้กันในศาลไม่ใช่เรื่องดีนะครับ อย่าหาทำ สงสารเด็กครับ
ขอให้จบลงด้วยดีนะครับ”