นายแทร์รี่ แบรนสตัด เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน จะลาออกเกษียณก่อนกำหนด และเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งต้นเดือนหน้า จากการแถลงของโฆษกประจำสถานทูตอเมริกาในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ (14 ก.ย.)
การลาออกของแบรนสตัดวัย 73 ปี อดีตผู้ว่าการรัฐไอโอวา เกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างาสหรัฐกับจีน กำลังอยู่ในภาวะตึงเครียดหนัก โดยเฉพาะทางด้านการค้า ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความมั่นคงข้อมูล และการระบาดของไวรัสโควิด-19
หลังรับทราบรายงาน นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ทวีตข้อความ ขอบคุณ แบรนสตัดที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนชาวอเมริกัน มานานกว่า 3 ปี ในฐานะเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ท่านทูตแบรนสตัดมีส่วนช่วยในการปรับสมดุล ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน ให้เป็นเน้นผลลัพธ์ ซึ่งกันและกัน และเป็นธรรม
เบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด เกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้แบรนสตัด ตัดสินใจลาออกก่อนกำหนด หลังจากเข้ารับหน้าที่ทูตประจำแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2560 โดยเป็นหนึ่งในทูตกลุ่มแรกที่ได้รับการเสนอชื่อ และผ่านการอนุมัติรับรองจากวุฒิสภา ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยังมีรายงานข่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ทรัมป์ตัดสินใจเลือกแบรนสตัดไปเป็นทูตประจำจีน เนื่องจากมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ตั้งแต่สีเดินทางเยือนรัฐไอโอวา เมื่อหลายสิบปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่แบรนสตัดทำหน้าที่ทูตประจำแผ่นดินใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนตึงเครียดมากขึ้นแทบทุกด้าน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายต่างโจมตีซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับเสรีภาพสื่อมวลชน หลังจากหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี หนึ่งในสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลปักกิ่ง ปฏิเสธที่จะตีพิมพ์บทความข้อเขียนของแบรนสตัด
ทางด้านนายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เผยต่อสื่อมวลชน ในระหว่างการแถลงข่าวรายวัน ที่กระทรวงฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ ว่า รัฐบาลจีนยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการลาออกของนายแบรนสตัด.