"บรรยิน" กลับคำ รับสารภาพอุ้มฆ่าเผาทำลายศพ "พี่ชายผู้พิพากษา" หวังต่อรองคดีโอนหุ้น "เสี่ยชูวงษ์"
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นัดสืบพยานคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ฐานเป็นซ่องโจรโดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต, ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย และฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี
โดยก่อนหน้านี้ จำเลยที่ 2-6 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน นายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทนายความจำเลยที่ 3 จึงขอยื่นคำให้การในวันนัดตรวจหลักฐาน ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ถูกแยกไปขังยังเรือนจำกลางบางขวาง หลังจากมีข่าวว่าวางแผนจับตัวประกันเพื่อหลบหนีออกจากเรือนจำ อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 1 คือ นายบรรยิน ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เปลี่ยนเป็นให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุในคดีนี้จริง โดยร่วมกับจำเลยที่ 3 จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน ยางรถยนต์ สังกะสี อิฐบล็อก เพื่อไปใช้เผาทำลายศพนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ ที่บริเวณเขาใบไม้ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2563 การเตรียมการดังกล่าวต้องการจับตัวนายวีรชัย มาเพื่อบังคับขู่เข็ญและต่อรองคดีกับนางสาวพนิดา ศกุนตะประเสริฐ โจทก์ร่วมในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีอาญาซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโอนหุ้นจของเสี่ยชูวงษ์
ขณะที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ยื่นคำให้การรับสารภาพว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ข่มขืนใจนายวีรชัย โดยใช้กำลังประทุษร้ายจับตัวนายวีรชัย ขึ้นรถยนต์โตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์คันเกิดเหตุ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนายวีรชัย ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 วรรคแรก มาตรา 310 วรรคแรกจริง แต่ไม่ได้ทำร้ายนายวีรชัย ส่วนข้อหาอื่นนั้น จำเลยที่ 4 และที่ 5 ขอให้การปฏิเสธเสียทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนเเปลง ศาลจึงยกเลิกวันนัดสืบพยานหลักฐานตามกำหนดเดิม และกำหนดวันนัดสืบพยานหลักฐานใหม่ เดือน ต.ค.นี้