สธ.ยันผลตรวจ "ผู้สัมผัส" แข้งบุรีรัมย์ ไร้เชื้อโควิด

2020-09-14 13:25:48

สธ.ยันผลตรวจ "ผู้สัมผัส" แข้งบุรีรัมย์ ไร้เชื้อโควิด

Advertisement

สธ. ยันผลตรวจ "ผู้สัมผัสใกล้ชิด" แข้งบุรีรัมย์ ไร้เชื่อโควิด แนะประชาชนหมั่นป้องกัน-การ์ดอย่าตก

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. มีรายงานจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ว่า กรณีนักฟุตบอลไทยลีก ชาวอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปี ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับนักฟุตบอลรายดังกล่าว เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ทันที สรุป คือ สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด พบผู้สัมผัส 47 คน และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกราย แต่ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด ส่วนสถานที่อื่นๆ ใน จ.บุรีรัมย์ มีผู้สัมผัส 286 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 27 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจ โดยจะครบกำหนดกักกันในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ขณะเดียวกันพบผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 259 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจเช่นกัน

กรมควบคุมโรค ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่า สโมสรราชบุรีมิตรผล มีผู้สัมผัส 44 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 คน ซึ่งครบกำหนดการกักตัวไปเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันตรวจพบเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 33 คน จึงส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการซึ่งทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ส่วนอีก 1 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ไม่ได้ลงเตะนัดอุ่นเครื่อง และผลตรวจเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ทีผ่านมาเป็นลบเช่นกัน ขณะที่สโมสรขอนแก่นยูไนเต็ด มีผู้สัมผัส 51 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 15 คน ครบการกักตัววันที่ 19 ก.ย.นี้ และพบผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 36 คน ซึ่งทั้งหมดให้ผลเป็นลบ สำหรับผู้โดยสารเครื่องบินลำเดียวกันกันนักเตะรายดังกล่าว มีผู้สัมผัสรวม 13 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทุกราย ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 6 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ รวมผู้สัมผัสทุกสถานที่ 441 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 100 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 341 คน ให้ผลตรวจเป็นลบ 147 คน รอผลการตรวจ 286 คน




กรมควบคุมโรค ยังยืนยันอีกว่า หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ยังคงดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน พร้อมขอให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดเหมือนเช่นเดิม คือ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ แยกของใช้ และการเว้นระยะห่างระหว่างกันเพื่อลดความแออัด สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง