"โจ้" อ้างคำวินิจฉัยศาล รธน. เรือดำน้ำต้องผ่านรัฐสภา

2020-09-13 15:55:03

"โจ้" อ้างคำวินิจฉัยศาล รธน. เรือดำน้ำต้องผ่านรัฐสภา

Advertisement

"โจ้" อ้างคำวินิจฉัยศาล รธน. ระบุกรณีเรือดำน้ำต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา 

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำว่าเป็นจีทูจีเชิงพาณิชย์ ว่า เพิ่งเคยได้ยินศัพท์ใหม่ในวันที่ท่านชี้แจง กองทัพสามารถทำธุรกิจการค้าได้ใช่หรือไม่ถ้าใช้คำนี้ แต่ถ้าเป็นหน่วยงานอื่นผิดหมด ไม่ว่าจะเป็นจีทูจีจำนำข้าว จีทูจีรถดับเพลิง กรณีนี้กองทัพเรือลงนามสัญญาซื้อเรือดำน้ำเมื่อเดือน พ.ค. 2560 ซึ่งสัญญาดังกล่าวอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 178 แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกเป็นสัญญาเชิงพาณิชย์ไม่เข้ากฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เข้ามาตรา 178 จึงไม่ต้องขอความเห็นต่อรัฐสภาก่อน และไม่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจฉบับเต็มหรือ ฟูลพาวเวอร์ ซึ่งผู้ได้รับมอบหมายสามารถลงนามได้เอง สรุปกองทัพเรือมีอำนาจลงนามในสัญญาได้ โดยไม่ต้องมีหนังสือเพราะไม่เป็นสนธิสัญญาหรือพันธสัญญาระหว่างประเทศ จึงเกิดคำถามว่าแล้วคดีจำนำข้าวที่นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ โดนลงโทษ ไม่ถือว่าเป็นสัญญาเชิงพาณิชย์หรือทั้งที่เป็นการที่รัฐบาลขายข้าวให้จีน ตนจึงไปค้นว่าศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 178 อย่างไร ซึ่งปี 2551 มีกรณีข้อพิพาทเขาพระวิหาร ซึ่งนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ในขณะนั้นไปลงนามข้อตกลงแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ต่อมามีการร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหมายถึงความตกลงระหว่างประเภททุกประเภทที่จัดทำขึ้นระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร และอยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นถ้าใช้คำว่าทุกประเภทถือว่าต้องให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ