ทรัมป์โชว์ ดึงบาห์เรน อาหรับอีกชาติ สัมพันธ์แน่นอิสราเอล

2020-09-13 13:00:34

ทรัมป์โชว์ ดึงบาห์เรน อาหรับอีกชาติ สัมพันธ์แน่นอิสราเอล

Advertisement


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า อิสราเอลและบาห์เรน ประเทศในอ่าวเปอร์เซีย บรรลุข้อตกลงฟื้นความสัมพันธ์ระดับปกติเต็มรูปแบบ “อาหรับประเทศที่ 2 ที่ทำสันติภาพกับอิสราเอลในรอบ 30 วัน” ทรัมป์ ทวิตข้อความ

เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ที่ประเทศอาหรับทั้งหมดคว่ำบาตรอิสราเอล พร้อมยืนยันมาตลอดว่า พวกเขาจะสถาปนาความสัมพันธ์ก็ต่อเมื่อปัญหาพิพาทกับปาเลสไตน์ได้รับการแก้ไขแล้วเท่านั้น แต่เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ตกลงปรับปรุงความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล ซึ่งก็มีกระแสการคาดการณ์ว่า บาห์เรนอาจเดินตามรอยยูเออี



ทรัมป์ ซึ่งเสนอแผนสันติภาพตะวันออกกลางของเขาในเดือนมกราคม มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยไกล่เกลี่ยให้เกิดข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับนี้ ซึ่งบาห์เรนเป็นอาหรับชาติที่ 4 เท่านั้นในตะวันออกกลาง ตามหลังยูเออี, อียิปต์และจอร์แดน ที่ให้การยอมรับอิสราเอล ตั้งแต่อิสราเอลก่อตั้งประเทศในปี พ.ศ.2491

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงว่า เขารู้สึกตื่นเต้นที่ข้อตกลงสันติภาพอีกหนึ่งฉบับ บรรลุความเห็นชอบกับประเทศอาหรับอีกหนึ่งประเทศในวันศุกร์ “นี้เป็นยุคใหม่ของสันติภาพ สันติภาพเพื่อสันติภาพ เศรษฐกิจเพื่อเศรษฐกิจ พวกเราลงทุนในสันติภาพมานานหลายปี และขณะนี้ สันติภาพจะคืนทุนให้เรา” เนทันยาฮูกล่าว



“ความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งในวันนี้!” ทรัมป์เขียนในทวิตเตอร์ และเพิ่มเติมว่า “เพื่อนผู้ยิ่งใหญ่ของเรา 2 ประเทศ คืออิสราเอลและราชอาณาจักรบาห์เรน ตกลงข้อตกลงสันติภาพกัน” นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังได้โพสต์เผยแพร่สำเนาแถลงการณ์ร่วมฉบับหนึ่งระหว่าง 3 ผู้นำ คือทรัมป์, เนทันยาฮู และสมเด็จพระราชาธิบดีฮาหมัด บิน อิซา บิน ซัลมาน อัล-คาลิฟา กษัตริย์บาห์เรน ในทวิตเตอร์ด้วย

ในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า “นี้เป็นความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ต่อสันติภาพในตะวันออกกลาง” ซึ่งจะ “เพิ่มเสถียรภาพ, ความมั่นคง และความมั่งคั่งในภูมิภาค”

ยูเออี แสดงความยินดีต่อการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ กระทรวงต่างประเทศยูเออี แถลงว่า เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญและประวัติศาสตร์ ซึ่งจะส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม มีการตอบโต้อย่างเดือดดาลจากเจ้าหน้าที่ของปาเลสไตน์ โดยกระทรวงต่างประเทศปาเลสไตน์ เรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำบาห์เรนกลับเพื่อปรึกษาหารือและมีการออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งจากผู้นำปาเลสไตน์ บอกว่า “อันตรายใหญ่หลวงต่อสิทธิของชาติที่แบ่งแยกไม่ได้ของชาวปาเลสไตน์และปฏิบัติการร่วมอาหรับ”



ชาวปาเลสไตน์พึ่งพาการตอบโต้ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของชาติอาหรับมานานแล้วต่อประเด็นปัญหาที่ขัดแย้งกับอิสราเอล โดยเฉพาะให้อิสราเอลถอนตัวออกจากดินแดนยึดครองและยอมรับรัฐปาเลสไตน์ ส่วนกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่ควบคุมฉนวนกาซา กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อจุดประสงค์ของปาเลสไตน์อย่างใหญ่หลวง

ฮอสเซีย อามีร์-อับดอลลาห์เฮียน ที่ปรึกษาพิเศษฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของประธานรัฐสภาอิหร่าน กล่าวว่า มันเป็นการทรยศหักหลังต่อจุดประสงค์ของปาเลสไตน์

ในการเคลื่อนไหวทางการทูตเหล่านี้ มีฉากหลังของความเป็นศัตรูคู่แค้นในภูมิภาคระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน ฉาบทาอยู่ด้วย ความขัดแย้งที่เรื้อรังมานานหลายสิบปี ระหว่าง 2 ประเทศนี้ ยิ่งทำให้ความแตกต่างทางศาสนาทรุดหนักลง เพราะทั้ง 2 ประเทศ ล้วนเป็นผู้นำศาสนาอิสลาม แต่ต่างนิกายกันในภูมิภาค โดยอิหร่านส่วนใหญ่เป็นมุสลิมชีอะห์ ขณะที่ ซาอุดีอาระเบีย เป็นมหาอำนาจสุหนี่



ยูเออีและบาห์เรน ทั้ง 2 ประเทศเป็นพันธมิตรของซาอุดีอาระเบีย ร่วมกับอิสราเอลแสดงความกังวลกรณีของอิหร่าน จนนำไปสู่การติดต่อกันอย่างไม่เป็นทางการ

การตอบโต้ของซาอุดีอาระเบีย จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณหรือแนวโน้มว่า ซาอุดีอาระเบียพร้อมเดินตามรอยบาห์เรนและยูเออี กระชับสัมพันธุ์ระดับปกติกับอิสราเอล

ก่อนการประกาศข้อตกลงยูเออี-อิสราเอลในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งการระงับแผนการที่สร้างความขัดแย้งของอิสราเอลในการผนวกเอาดินแดนบางส่วนในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ อิสราเอลไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศอาหรับในอ่าวเปอร์เซีย แต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทุกคนได้เห็นเที่ยวบินโดยสารอย่างเป็นทางการเที่ยวแรกจากอิสราเอลไปยังยูเออี ซึ่งถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ในระดับปกติ

นายจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับเครื่องบินโดยสารเที่ยวประวัติศาสตร์นี้ด้วย ระบุว่า ข้อตกลงยูเออี เป็นอะไรที่ “สามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางทั้งหมดของตะวันออกกลาง”



เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บาห์เรนแถลงว่า จะอนุญาตให้เที่ยวบินโดยสารระหว่างอิสราเอลและยูเออี ใช้น่านฟ้าของตนได้

ทรัมป์มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลงสันติภาพอิสราเอล-ยูเออี ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตันในวันอังคารหน้านี้

ก่อนหน้านี้ ในปี 2543 มอริเตเนีย สมาชิกสันนิบาตชาติอาหรับในแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล แต่ก็ตัดความสัมพันธืในปี 2553