“สุทิน” เผยฝ่ายค้านเตรียมผู้อภิปราย 35 คน เน้นปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อ ครม.ในเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง ว่า ผู้อภิปรายของฝ่ายค้านมี 35 คน พรรคเพื่อไทยมี 17 คน พรรคก้าวไกลมี 10 คน ที่เหลือก็เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ทั้งนี้เราจะดูข้อมูลการภิปราย หากมีความซ้ำซ้อนหรือประเด็นนั้นๆชัดเจนแล้ว ผู้อภิปรายที่เหลืออาจจะถอนตัว ทั้งนี้ไฮไลต์การอภิปรายมีเป็นระยะ เช่น นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ทั้งเรื่องการทุจริต ใช้งบประมาณไม่ถูกต้อง รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุให้นายปรีดี ดาวฉาย ลาออก ซึ่งวันนี้หากฟังจะเข้าใจว่า การลาออกไม่ใช่ปัญหาการแต่งตั้งข้าราชการโดยการอภิปรายจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะเป็นเสียงสะท้อนจากสังคมที่อยากรู้จากรัฐบาล ฝ่ายค้านจึงต้องทำหน้าที่แทน
เมื่อถามว่า นายยุทธพงศ์ จะมีการภิปรายเรื่องคุณสมบัติ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งประธานได้ระบุว่า อาจจะเข้าข่ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่สาระหลัก เพราะมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่า ส่วนการภิปรายจะมีการพูดถึงเรื่องการเมือง การชุมนุมของนักศึกษา และการแก้รัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่นั้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องที่ต้องหาทางออกร่วมกัน แต่คงไม่เน้นหนักในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามไม่ได้ตั้งความหวังว่ารัฐบาลจะรับฟัง แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะรู้ตัวเอง เพียงแค่ว่าวันนี้รัฐบาลจะยอมรับความจริงที่ว่ามันหนักหนาสาหัส มีการบริหารผิดพลาด และกำลังจนมุมหรือไม
นายสุทิน กล่าวถึงกรณี 13 พรรคการเมืองร่วมยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดยมีกระแสข่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์จะถอนชื่อออก ทางพรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนต่อหรือไม่ ว่า ถ้าถอนจริงก็เสียดาย เพราะเราเอาใจช่วยให้พรรคก้าวไกลเซ็นชื่อได้ครบ ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้ายื่นประกบ เพื่อให้ได้น้ำหนัก ส่วนจะเซ็นชื่อช่วยหรือไม่นั้น ในการประชุม ส.ส.พรรคเพิ่อไทยเมื่อวาน (8 ก.ย.) ไม่มีการพูดเรื่องนี้ ซึ่งหากจะช่วยต้องทำการขอมติพรรคก่อน แต่ก็ไม่อยากให้มีการถอนชื่อออกไป
เมื่อถามว่า เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงเปลี่ยนใจจะยื่นแก้เพื่อปิดสวิตช์ส.ว. ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกกว่า ยังไม่ถึงเวลา นายสุทิน กล่าวว่า เราประเมินสถานการณ์มาโดยตลอด การแก้รัฐธรรมนูญเราหวังเอาจริง คิดว่า จังหวะไหนทำได้ก็ทำ ถ้าจังหวะไหนยังไม่ใช่ก็จะดึงไว้ก่อน อย่างไรก็ตามสัญญาณจากส.ว. และสังคมมีแนวโน้มว่าเป็นไปได้ จึงใช้โอกาสนี้ยื่นแก้ ซึ่งเราฟังความต้องการของผู้ชุมนุม นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่มีความประสงค์อยากให้เรายื่น ฉะนั้นตามเหตุผลดังกล่าวจึงคิดว่าต้องยื่น
ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้มองว่าแรงกดดันจากการชุมนุมยังไม่สามารถทำให้การแก้ไขเกิดขึ้นได้ นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้แรงกดดันจากผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งทำให้ ส.ว.มีท่าทีเปลี่ยนไป และน่าจะมีแรงกดดันและแรงจูงใจนอกจากผู้ชุมนุมอีก จึงมีความชัดเจนว่าจะเป็นไปได้และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ส่วนจะมั่นใจแค่ไหนเพราะขณะนี้เสียงส.ส. ก็ยังแตกกันอยู่ ตอนนี้ตนไม่มั่นใจถึง 100% แต่มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และประเมินไว้ว่าเมื่อถึงวันอภิปรายจริงๆ เราเห็นสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้น