ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการอัยการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ละวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับรองอัยการสูงสุด หากคณะกรรมการสอบสวนหาก ก.อ. เห็นว่ารองอัยการสูงสุดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้มีมติลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ แล้วแต่กรณี
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบคณะกรรมการอัยการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ละวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับรองอัยการสูงสุด พ.ศ. 2563 ระบุว่า เมื่อมีผู้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ก.อ.)กล่าวหารองอัยการสูงสุดว่ากระทำผิดวินัย ให้ ก.อ. พิจารณาดำเนินการสอบสวนชั้นต้นเพื่อให้ได้ความจริงและเป็นธรรมโดยมิชักช้า ในกรณีที่ ก.อ. พิจารณาเห็นว่าการกล่าวหานั้นเป็นกรณีที่จะดำเนินการสอบสวนได้ ก.อ. อาจมอบหมายให้กรรมการอัยการคนหนึ่งคนใด หรือข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสไม่ต่ำกว่า ผู้ถูกกล่าวหาหรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นตามที่เห็นสมควร กรณีข้าราชการอัยการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย และการรายงานผลการสอบสวนชั้นต้นที่ปรากฏว่ามีมูลเป็นกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยอนุโลม เมื่อก.อ. ได้รับรายงานผลการสอบสวนชั้นต้นแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้กระทำผิดวินัย หรือการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นความผิดวินัย หรือไม่มีมูล ให้มีมติยุติเรื่อง
กรณีที่ผลการสอบสวนชั้นต้นปรากฏว่ามีมูลเป็นกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ ก.อ. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างน้อย 3 คน ซึ่งมิใช่คณะกรรมการสอบสวนข้างต้น เพื่อทำการสอบสวน โดยคณะกรรมการสอบสวนต้องเป็นกรรมการอัยการหรือข้าราชการอัยการ ที่มีอาวุโสไม่ต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหา ในกรณีที่ ก.อ. เห็นว่ารองอัยการสูงสุดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้มีมติลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ แล้วแต่กรณี บรรดาระเบียบ ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ประกาศ ณ วันที่ 21 ส.ค.นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ