"ศาลอุทธรณ์"พิพากษายืน ประหารชีวิต"ผู้กองเหน่ง"

2020-09-01 15:00:22

"ศาลอุทธรณ์"พิพากษายืน ประหารชีวิต"ผู้กองเหน่ง"

Advertisement

"ศาลอุทธรณ์" พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น สั่งประหารชีวิต "ผู้กองเหน่ง" ฆ่าโหด "ผอ.อ้อย" ล้างหนี้ 5 แสนบาท

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/1 บ้านซำเม็ง ม.3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มารดาของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความจังหวัดกันทรลักษ์ ได้เดินทางมารอรับฟังคำตัดสินของศาลอุธรณ์ ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในคดีที่ นายศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรม ผอ.อ้อย เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2560 หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 โดยบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ญาติของ ผอ.อ้อย มารอฟังคำตัดสินศาลอุทรณ์ ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อย่างใจจดจ่อ ขณะเดียวกันมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญ ซึ่งตำรวจใช้เวลาปิดคดีเป็นเวลานาน โดย นางแหลม มารดา ผอ.อ้อย กล่าวว่า ตนและญาติอยากให้ศาลอุธรณ์ มีคำตัดสินตามเดิม คือ ประหารชีวิตผู้กองเหน่ง เนื่องจากตนเสียใจมากที่มาสูญเสียลูกสาวซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว

สำหรับคดีฆาตกรรม น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ โดย ผอ.อ้อย หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2560 จากนั้นครอบครัวได้เข้าแจ้งความที่ สภ.กันทรลักษ์ และพยายามตามหาตัวแต่ไม่มีวี่แวว กระทั่งได้เบาะแสจากคำบอกเล่าของเพื่อน ผอ.อ้อย ว่า ก่อนหายตัวไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผอ.อ้อย ได้ชักชวนให้ไปช่วยทวงหนี้กับทหารนายหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ทราบภายหลังว่า ทหารคนดังกล่าว คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง โดยพบหลักฐานการยืมเงินเป็นบัตรเอทีเอ็มและสเตจเม้นท์ ซึ่งผู้กองเหน่งไม่ยอมคืน ทาง ผอ.อ้อย จึงขู่ว่าจะฟ้องผู้บังคับบัญชาให้ทราบเรื่อง นอกจากนี้ตำรวจพบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของ ผอ.อ้อย กับผู้กองเหน่ง อยู่บนเส้นทางเดียวกัน คือ จาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไป อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่สัญญาณโทรศัพท์หายไป




ต่อมาวันที่ 10 ส.ค.2560 ตำรวจพบรถยนต์เก๋งต้องสงสัยของ ผอ.อ้อย จอดทำสีอยู่ที่อู่ซ่อมรถยนต์ในเขตเมืองอุบลราชธานี จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า ร.อ.ศุภชัย ได้ติดต่อขายรถของ ผอ.อ้อย ให้กับ นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ นายหน้าซื้อขายรถยนต์ โดยมีเอกสารคู่มือรถยนต์ บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง เอกสารประกอบการซื้อขาย และหนังสือมอบอำนาจจาก ผอ.อ้อย ซึ่ง ร.อ.ศุภชัย ยืนยันว่า ผอ.อ้อย เดือดร้อนเรื่องเงิน ทางตำรวจจึงเชื่อว่า ผู้กองเหน่ง ปลอมเอกสารทั้งหมดขึ้นมาเพื่อขายรถแล้วโอนเงินเข้าบัญชีตนเอง

จากนั้นญาติของ ผอ.อ้อย และเจ้าหน้าที่ ต่างออกค้นหา ผอ.อ้อย รอบพื้นที่ฐานอนุพงษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการของทหารพราน บริเวณสามเหลี่ยมมรกต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ก่อนพบหลักฐานสำคัญ คือ กะโหลกศีรษะ กระดูกขากรรไกรล่าง กระดูกต้นคอ กระดูกลำตัว กระดูกสะบัก กระดูกไหปลาร้า กระดูกซี่โครง เส้นผม เข็มขัดด้ายถักสีกากี และนาฬิกา โดยญาติ ผอ.อ้อย ยืนยันว่าเป็นของใช้ประจำตัวของ ผอ.อ้อย จึงกลายเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญซึ่งสามารถไขปมฆาตกรรมอำพราง ผอ.อ้อย โดยหลัง ผู้กองเหน่งถูกจับกุม ศาลชั้นต้นมีคำพิพากาษาให้ประหารชีวิต ต่อมา ผู้กองเหน่ง ยื่นอุธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้น ศาลอุธรณ์จึงนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ ขณะที่ผู้กองเหน่ง ต้องโทษอยู่ในเรือนจำบางขวาง กรุงเทพมหานคร



ด้าน นายประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความจังหวัดกันทรลักษ์ กล่าวว่า การทำงานของทีมทนายฝ่าย ผอ.อ้อย ผู้เสียชีวิต มั่นใจในพยานหลักฐานของคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้ว จนศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นสั่งประหารชีวิต ผู้กองเหน่ง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา