กทม.ระดม จนท.ทุกสำนักงานเขต เร่งระบายน้ำท่วมขังบนถนนหลายสายทั่วกรุง จนเกือบคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. หลังจากฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา สำนักการระบายน้ำ ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ถึง 153 มม.ที่เขตตลิ่งชัน ส่วนที่ปริมาณน้ำฝนเกิน 100 มม.ยังมีอีกหลายพื้นที่ อาทิ เขตทวีวัฒนา บางแค หนองแขม ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังรอการระบายบนถนนสายหลักรวม 21 จุด ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนักทั่วกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเก็บขยะที่ขวางทางน้ำระบาย พร้อมระดมเครื่องสูบน้ำมาช่วยเร่งระบายออกจากถนน ทำให้ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมเริ่มดีขึ้นแล้วเกือบทั้งหมด เหลือแต่จุดที่เป็นแอ่งและตามตรอกซอกซอยที่ยังคงมีน้ำท่วมขังเพื่อรอการการระบายเพียงบางส่วนเท่านั้น
ด้าน นายสมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ เปิดเผยว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เวลาประมาณ 01.00 - 03.00 น. ทำให้มีน้ำท่วมฝั่งธนบุรีที่มีฝนตกซ้ำ ส่วนฝั่งตะวันออกฝนตกหนักที่บริเวณเขตสวนหลวง และได้รับรายงานว่ามีน้ำท่วมมีบริเวณหน้าเดอะมอลล์บางแค หมู่บ้านเศรษฐกิจ แยกบางนา รวมทั้งตามตรอก ซอก ซอย ทั้งนี้สำนักงานเขตกำลังเร่งใช้เครื่องสูบน้ำช่วยระบายน้ำที่ท่วมขังให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบาย สืบเนื่องจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันถึง 2 วัน ทำให้ระดับน้ำในคลองต่างๆ ที่อยู่ใน กทม.เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลง จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ส่งผลให้การจราจรติดขัดในหลายเส้นทาง ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในทุกพื้นที่ ออกปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเน้นย้ำให้ประสานการทำงานร่วมกันกับกองบังคับตำรวจจราจรกลาง, กองบังคับการตำรวจทางหลวง และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น อาทิ ถนนสีลม, ถนนพระราม 4, ถนนพระราม 1, ถนนเพชรบุรีตัดใหม่, ถนนสุขุมวิท, ถนนพระราม 9, ถนนรามคำแหง, ถนนเพชรเกษม และถนนลาดพร้าว เพื่อบรรเทาการจราจรที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.จักรทิย์ ยังสั่งให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลช่องทางจราจร และเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง อาทิ กิ่งไม้หัก ต้นไม้ หรือ เสาไฟฟ้า โค่นล้ม ผบ.ตร.ยังให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เสียสละ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ตรวจเช็คสภาพรถ เครื่องยนต์ สภาพอากาศ และเส้นทางก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือเช็คข้อมูลการจราจร สามารถสอบถามได้ที่สายด่วน บก.จร.1197 ส่วนผู้ที่เดินทางในพื้นที่ต่างจังหวัด สามารถติดต่อสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง (ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก JS100 Radio )
