"อนุทิน"หนุน “กัญชง” พืชเศรษฐกิจตัวใหม่

2020-08-31 12:39:27

"อนุทิน"หนุน  “กัญชง” พืชเศรษฐกิจตัวใหม่

Advertisement

"อนุทิน"หนุน  “กัญชง” เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ อิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนต รีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปลูก แปรรูปเฮมพ์ (กัญชง) เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ” และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “กัญชงพืชเศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” 

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารยา มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ยกเว้นสารสกัดจากกัญชงและบางส่วนของพืชกัญชง โดยไม่ต้องถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพื่อให้นำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ยา สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง มีการจัดทำกฎกระทรวง เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) เพื่อใช้ประโยชน์ ในระดับครัวเรือนและอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกนำรายได้เข้าสู่ประเทศ สำหรับการประชุมครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเน้นการสร้างความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการ ภาคเกษตรกรรมอุตสาหกรรม สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎระเบียบหลักเกณฑ์ฉบับใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ เพื่อส่งเสริมการปลูกและการแปรรูปกัญชงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมกัญชงจากงานวิจัยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร(ต้นน้ำ) ผู้ประกอบธุรกิจ (กลางน้ำและปลายน้ำ) ได้แลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมองเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตลาดให้เป็นที่ต้องการในตลาดโลก

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนมีนโยบายให้ทุกกรมส่งเสริมและสนับสนุนการนำกัญชาและกัญชงไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการแพทย์ เนื่องจากมีสาร THC เด่น ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและทำให้เสพติด จึงต้องมีการกำกับดูแลอย่างเข้มข้น มีระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านยาเสพติด ส่วนกัญชงนั้นสนับสนุนให้ใช้ในทางอุตสาหกรรม เนื่องจากมีสาร THC ในปริมาณน้อย แทบไม่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มีสาร CBD เด่น มีประโยชน์ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมสุขภาพ และเกือบทุกส่วนของกัญชงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งประเทศไทยมีภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปลูกกัญชง ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะสร้างรายได้และ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

"รัฐบาลมีนโยบายให้กัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ และได้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการนำพืช 2 ชนิดนี้ไปปลูกเพื่อสร้างรายได้ ที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายหลายอย่างมีความล่าช้า เพราะต้องเข้าไปจัดการสถานการณ์โควิด-19 แต่ทางกระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยเพิกเฉย ขณะนี้ กำลังเร่งเดินหน้านโยบายกัญชาและกัญชงให้เป็นรูปธรรม บนหลักการที่ว่าการใช้ประโยชน์นั้นต้องเป็นไปเพื่อการแพทย์ และมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ต้องรู้ว่ากัญชาแต่ละต้นปลูกที่ไหน จะไม่ให้มีการนำไปใช้เป็นยาเสพติดเด็ดขาด  ขณะนี้ พ.ร.บ.กัญชา ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อยู่ในขั้นตอนเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ หากผ่านทุกขั้นตอน คนไทย จะปลูกกัญชาได้ โดยการปลูกต้องมีความชัดเจนว่านำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยมีแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้านที่ขึ้นทะเบียนออกใบรับรองความจำเป็นต้องใช้ในผู้ป่วย ส่งผลให้คนที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชา รวมทั้งเกษตรกรที่ลงนามความร่วมผลิตและสกัดสารสำคัญของกัญชาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หากเป็นไปตามนี้ จะปลูกกี่ต้น ก็ย่อมทำได้ ขณะที่น้ำมันกัญชาขององค์การเภสัชกรรม อยู่ระหว่างการหารือกับ สปสช.เพื่อเข้าสู่บัญชียาหลัก ในอนาคตจะเป็นทางเลือกด้านการรักษากับประชาชน อยู่ในสิทธิ์บัตรทอง ที่ผ่านมา มีงานวิจัยจำนวนมาก ยืนยันว่า สารสกัดจากกัญชา และกัญชง มีสารเสพติดน้อยมาก แต่มีสารที่เป็นประโยชน์จำนวนมหาศาล นำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข โดย อย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน"นายอนุทิน กล่าว