รัฐบาลยอมถอย สั่ง"กองทัพเรือ"ชะลอซื้อ"เรือดำน้ำ"

2020-08-31 10:55:16

รัฐบาลยอมถอย สั่ง"กองทัพเรือ"ชะลอซื้อ"เรือดำน้ำ"

Advertisement

"รัฐบาล" ยอมถอยสั่ง "กองทัพเรือ" ชะลอซื้อ "เรือดำน้ำ" เหตุเพราะ "บิ๊กตู่" ห่วงใยปากท้องของประชาชน 

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 ซึ่งวันนี้ กมธ.งบประมาณปี 2564 จะมีการพิจารณา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มีการพูดคุยหารือกันเป็นการภายใน ซึ่งมีผลสรุปว่าให้กองทัพเรือ พิจารณากรณีชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ออกไปก่อน หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการขออนุมัติงบประมาณจำนวน 3,375 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่มอีก 2 ลำ และจะมีการชำระเงินภาย 7 ปี ซึ่งข้อเท็จจริงมีการเริ่มงบประมาณในปี 63 ที่กองทัพเรือ ได้ขออนุมัติไป แต่เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพเรือ เปลี่ยนแปลง คือ ชะลอการดำเนินการไว้ก่อน พอมางบประมาณปี 64 ได้มีการดำเนินการต่อ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลังจากที่ กมธ.ได้มีแสดงความกังวลต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มีการพูดคุยเป็นการภายในกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะกองทัพเรือ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าขอให้กองทัพเรือ พิจารณาชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำในลำที่ 2 และลำที่ 3 ออกไปก่อน เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความเข้าใจของนายกฯ ที่เห็นถึงความห่วงใยของประชาชน สังคม และ กมธ.ที่จะต้องนำงบประมาณไปใช้ในส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลปากท้องประชาชนและเรื่องอื่นๆ ที่คิดว่าเหมาะสม โดยวันนี้นายกฯ ให้ กมธ.พิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยมีกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ เป็นผู้ชี้แจง หลังจากนั้นคงเป็นการพูดคุยกับทางการจีน อีกครั้งหนึ่ง ถึงความจำเป็นที่ต้องชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน




นายอนุชา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจบทบาทของกองทัพที่ต้องการดูแลประชาชนและทรัพยากรของประเทศไทยให้ดีที่สุด ซึ่งรัฐบาลจะพยายามดูแลทุกภาคส่วนทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เพื่อให้มีความสอดคล้องกัน ประชาชนมีความสบายใจเกี่ยวกับการบริหารราชการของรัฐบาลว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม อย่างไรก็ตามนายกฯ เห็นถึงความสำคัญที่ประชาชนห่วงใยและกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ดังนั้นหากชะลอไปได้อีก 1 ปี คิดว่าอย่างน้อยก็สามารถนำเงิน 3 พันกว่าล้านไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้พอสมควร และคงต้องให้กองทัพเรือ พิจารณาในการดำเนินการอย่างอื่น เพื่อไม่ให้มีปัญหาทางด้านความมั่นคงในอนาคต