แกะรอยนาทีเดือด! ยิงหน้าผับ เรียกการ์ดคุมร้านสอบเข้ม

2020-08-31 10:45:34

แกะรอยนาทีเดือด! ยิงหน้าผับ เรียกการ์ดคุมร้านสอบเข้ม

Advertisement

เผยคลิปนาทีเดือดยิงหน้าผับกลางเมืองอ่างทอง ก่อนเจ้าหน้าที่เทศกิจถูกยิงดับ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกการ์ดคุมร้านสอบเข้มหาผู้เกี่ยวข้อง

คลิปภาพจากกล้องมือถือเผยภาพขณะที่นายประเสริฐ หรือต้อย อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตพระนคร กำลังมีปากเสียงกับกลุ่มวัยรุ่นภายในร้านอาหารกึ่งผับ ริมถนนสายเลี่ยงเมือง ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง โดยนายประเสริฐพยายามเดินถอยหลังออกจากร้านก่อนที่จะมีวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งเข้าล็อคคอจนล้มลงและมีเสียงปืนตามมานับสิบนัด โดยในคลิปยังมีเสียงตะโกนของหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่ตะโกนบอกเพื่อนให้เอาปืนมายิงแม่งเลย เป็นหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาสืบสวนหาผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ยิงกันเมื่อคืนที่ผ่านมา จนนายประเสริฐถูกยิงเข้าที่ชายโครงหลังซ้ายทะลุราวนมขวาและมีพนักงานของร้านดังกล่าว อีก 4 คนได้รับบาดเจ็บ โดยกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นทั้งเจ้าของร้านและพนักงานภายในร้านอ้างว่า นายประเสริฐเข้ามานั่งดื่มกินภายในร้านและมีการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะโชว์ปืน ที่พกมาที่เอวและโวยวายเสียงดังก่อนที่จะมีปากเสียงกับกลุ่มเจ้าของร้านและเกิดการยิงกัน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสอบสวนและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อหาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัว นายภาณุพงษ์ อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ อส.อ่างทองและนายสิทธิโชค อายุ 24 ปี การ์ดของร้านดังกล่าวให้ปากคำ โดยทั้งสองให้การว่า นายประเสริฐมาคนเดียว และมีเหตุกระทบกระทั่งกับกลุ่มวัยรุ่นตั้งแต่ 5 ทุ่ม ก่อนที่ทางการ์ดและเจ้าของร้านจะช่วยกันเคลียร์จนเหตุการณ์สงบ หลังจากร้านใกล้ปิดทั้งนายภานุพงษ์และนายสิทธิโชคได้เดินทางกลับ จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีเหตุยิงกันที่ร้านแต่ก็ไม่ได้กลับเข้าไปดูจนกระทั่งเช้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญมาให้ปากคำ




พร้อมกันนั้น พ.ต.ท. สุวัฒน์ชัย ศรีทองสุข รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองอ่างทองเชิญกลุ่มเจ้าของร้านและผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ภายในร้าน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวกลุ่มผู้ที่อยู่ในคลิปเหตการณ์ทั้งหมดมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีต่อไป