"สุชาติ"ลั่น "จ๊อบเอ็กซ์โปร์ 2020" ก.ย.ช่วยคนตกงานล้านตำแหน่ง

2020-08-30 17:55:44

"สุชาติ"ลั่น "จ๊อบเอ็กซ์โปร์ 2020" ก.ย.ช่วยคนตกงานล้านตำแหน่ง

Advertisement

รมว.แรงงานลั่นมาแน่ "จ๊อบเอ็กซ์โปร์ 2020" ก.ย.นี้ ภาครัฐ เอกชน จับมือช่วยคนตกงานล้านตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายสุชาติ ชมกลิ่น  รมว.แรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมนาเรื่อง “การส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินการตามภารกิจขององค์กรระหว่าง คณะกรรมาธิการการแรงานกับกระทรวงแรงงาน เพื่อการเพิ่มผลิตภาพ และสร้างภาวะสันติสุขในสังคมอุตสาหกรรมของประเทศในทุกมิติในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงและเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร” และกล่าวบรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง“นโยบายการบริหารแรงงงานและภารกิจของกระทรวงแรงงานในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด – 19 และผลกระทบต่อผู้ใช้แรงงาน” ณ โรงแรมภูสักธาร รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก

รมว.แรงงาน กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแรงงาน คือ แรงงานมีความเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง โดยในปัจจุบันสิ่งที่สำคัญคือตัวเลขต่างๆทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้การวางแผนและแก้ไขนั้นถูกต้อง โดยกระทรวงแรงงานมีตัวเลขผู้ประกันตนขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ซึ่งจากฐานข้อมูลที่ชัดเจนมีตัวเลข จำนวน 933,367 คน เป็นเงิน 14,982.717 ล้านบาท (ณ วันที่ 25 ส.ค. 2563) ซึ่งในกลุ่มนี้ เราต้องช่วยกันดูแลและออกมาตรการเพื่อมาช่วยเหลือทั้งลูกจ้างและผู้ประกอบการ

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงานทุกท่าน เพื่อเร่งขับเคลื่อนภารกิจสำคัญที่จะช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด – 19 ให้เป็นไปตามข้อสั่งการของ  พล.อ.ประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วนที่ต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2563 นี้ คือการจัดงาน Thailand Job Expo 2020 ที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.ย.  2563 มีตำแหน่งงาน 1 ล้านตำแหน่ง จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ของทุกกระทรวงมารวมกันเพื่อ Matching ระหว่างงานกับคน โดยมี Platform ไทยมีงานทำ.com เป็นแหล่งรวบรวมตำแหน่งงานว่างงานเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ และมาตรการสนับสนุนการจ้างงานเพื่อคนว่างงานในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโควิด – 19 โดยนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม และนายจ้างต้องไม่เลิกจ้างลูกจ้างเดิม เกินกว่าร้อยละ 15 ภายใน 1 ปี มาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (COVID - 19) ซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สัญชาติไทย (ส่งเงินสมทบไม่ครบ 6 เดือน ภายใน 15 เดือน) ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้รับการช่วยเหลือและเยียวยา โดยมีเป้าหมายเป็นจำนวนหลายหมื่นคน เป้าหมาย 59,776 คน มาตรการลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้นายจ้างและผู้ประกันตน จากเดิมฝ่ายละร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 2 ของค่าจ้าง ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน - พฤศจิกายน 2563 จากมาตรการนี้จะช่วยรักษาระดับการจ้างงานและเพิ่มกำลังซื้อของตลาดในประเทศรวมเป็นเงินที่ลดให้ทั้งผู้ประกันตนและนายจ้าง เป็นเงินประมาณ 23,000 ล้านบาท จาก 12.92 ล้านคน มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการที่กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยปลอดดอกเบี้ย (ดอกเบี้ย 0%) ตลอดระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 – 31 สิงหาคม 2564 ผู้ประกอบกิจการสามารถกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน วงเงินกู้ยืมแห่งละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยในปี 2564 มีวงเงินให้กู้กว่า 100 ล้านบาท และมาตรการเชิงรุกให้ลูกจ้างที่ว่างงานได้รับสิทธิประโยชน์โดยเร็ว โดยบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังสถานประกอบกิจการที่คาดว่าจะเลิกจ้าง การให้บริการเชิงรุกเพื่อให้จ่ายสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานกฎหมายประกันสังคม ถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว

"กระทรวงแรงงานจะใช้กลไกขับเคลื่อนโดยตั้งศูนย์อำนวยการแรงงานแห่งชาติ (ศอร.) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการกำกับ ติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างรวดเร็ว ฉับไว และทันต่อสถานการณ์ รายงานผลการปฏิบัติอย่างทันท่วงที เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันต่อความต้องการความช่วยเหลือของผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งบูรณาการการทำงานเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล “มุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21” และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการปฏิบัติราชการ และขอให้หัวหน้าส่วนราชการทุกท่านมุ่งพัฒนาด้านแรงงานเพื่อประเทศชาติต่อไป" นายสุชาติ กล่าว