"เจนิส เจณิสตา" เปิดหมดเปลือกทุกความรัก ที่ไม่เคยปิดเป็นความลับ

2020-08-25 09:55:48

"เจนิส เจณิสตา" เปิดหมดเปลือกทุกความรัก   ที่ไม่เคยปิดเป็นความลับ

Advertisement

เป็นน้องใหม่นางร้ายที่มาแรงแซงโค้งเลยนาทีนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ "เจนิส เจณิสตา พรหมผดุงชีพ" ที่ตอนนี้รายชื่อถูกบรรจุเข้าสมาคมนางร้ายเกรดเอเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงแม้ว่าสาวเจนิสจะเข้าวงการมาได้ไม่นาน แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยปกปิดเรื่องหวานใจนอกวงการที่คบกันมานานถึง 4 ปี ล่าสุดสาวเจนิสที่ได้เป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show  พร้อมได้เปิดหมดเปลือกทุกความรักที่ไม่เคยปิดเป็นความลับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า



ความรักครั้งแรกเกิดขึ้นที่ไหน ?

ก็คือ ช่วงม.6 จะต้องมีเรียนติวพิเศษ แล้วมีโอกาสได้ออกจากหอโดยที่แบบว่า แบบให้แม่เพื่อนมาเซ็นออกให้หน่อย เพราะว่าจะต้องไปเรียนพิเศษจริงๆ (เราก็ไปเรียนพิเศษจริงๆนะ) แต่เราดันไปเจอผู้ชายที่ติวด้วย หนูแบบตื่นเต้นแบบทำตัวไม่ถูก ก็เป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษด้วยกันค่ะ คือเขาเป็นเด็กนอกมาเพิ่งจบ แต่ครอบครัวเขาดี คือดูแล้วรู้เลยว่าเขาถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงม เหมือนผู้ชายพาเราไปเปิดโลก พาไปขึ้น BTS แต่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะคะ



เพราะเราก็ถูกเลี้ยงมาให้อยู่ในกรอบตลอด ซึ่งคุณตาคุณยายเลี้ยงประกบมาโดยตลอด แล้วได้คบกับคนคนนี้ไหม ?

คบสิค่ะ คนนั้นคือแฟนคนแรกในชีวิตเราเลยค่ะ

แล้วความรักดำเนินต่อไปยังไง ?



มหาลัยก็ยังดีที่คนนี้เขาก็รักเรียน เรียนที่มหิดลอินเตอร์ เราก็ตั้งใจอ่านภาษาอังกฤษ ก็ได้เข้าที่เดียวกับเขาค่ะ เราต้องตามผู้ชายอยู่แล้ว (หัวเราะ) เพราะเขาเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับเราเลย ก็ทำตามฝันคือไปเรียนตามผู้ชาย คือเขาเป็นคนดีมากถึงมากที่สุด แต่ตัวเราเอาแต่ใจมาก ไม่พอใจอะไรบอกเลิกๆ เพราะเราคิดเสมอว่าตายายดูแลรักเราขนาดนี้ นี่เรายอมเป็นแฟนเขา เขาต้องดูแลเราตามใจเรามากๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจทุกอย่าง เรื่องกินก็จุกจิก เขายอมหมดทุกอย่างค่ะ



เขาเอาใจขนาดนี้แล้ว แต่เราในบางครั้งก็ไม่ให้เกียรติเขาเลย ?

อยากจะว่าเขาต่อหน้าเพื่อนเขาเราก็ว่าเลย เพราะเรารู้สึกว่าแบบยังไงเขาก็ไม่เลิกกับเราแน่นอน เช่นที่ด่าเขาว่าทำไมโง่แบบนี้เลย หน้าตาไปหมดเหมือนนางร้ายในละครเลย คือด้วยความที่ตอนนั้นเราเด็กด้วยแล้วไม่ได้มีสังคม



ตอนนั้นเรารู้สึกไหมว่าเราเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง เรานิสัยไม่ดี เราวีน รู้ตัวไหม ?

รู้ค่ะ แต่เรามีคติในใจว่าตายายเราเลี้ยงเรามาดีมาก เพราะฉะนั้นคนที่จะมาเป็นแฟนเราต้องดูแลเราได้ ต้องดีได้เหมือนตายาย แต่การที่เขาดีกับเรา แต่เราไม่ดีกับเขาถามว่าเรารู้ตัวไหม รู้ตัวค่ะ แต่ก็คิดว่ายังไงเขาก็คบกับเรา ไม่เห็นเลิกเลย ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นเรายังไม่เจอบทเรียนด้วย แล้วคือเราเด็กมากตอนนั้น แล้วตอนนั้นเรารู้สึกว่าเขาเป็นของตายของเล่นเหมือนลูกไก่ในกำมือ แต่สุดท้ายเราก็จับได้ว่าเขานอกใจ เพราะเขาวอกแวกเพราะเขาไปเที่ยวผับ แต่เราก็เคยชินคือกลับมาดึกสุดก็สามทุ่มต้องรีบกลับเข้าบ้าน เพราะตอนนั้นเราอยู่มหาลัยแล้ว ก็ไม่ได้อยู่หอ กลับไปอยู่ที่บ้าน เขาก็ไปเที่ยว ตอนนั้นที่จับได้คือเรากำลังไปห้างกับเขา แล้วมีเพื่อนเขาชื่อ Mark โทรเขามา เราก็ถามเขาว่าใครเขาก็บอกเราว่าเพื่อน เราก็บอกเขาว่าคบกันมา 2 ปีทำไมไม่รู้จักชื่อนี้เลย แล้วเราก็บอกเขาว่าอย่าคิดว่าไม่รู้นะ เราใช้จิตวิทยาถามไป แล้วก็ถามว่าใคร ทำไมไม่รับรับสิ ไม่งั้นโทรกลับนะ เขาก็มารับสารภาพว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เจอในผับ

เราตกใจไหมคนที่คิดว่าเขาคือของตายแต่เขากลับนอกใจ ?

ตอนนั้นหนูโมโหเขามากเลยตบเข้ากลางBTSเลย ผู้ชายเขาก็โมโห แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ หนูก็บอกเสียงดังเลยตอนนั้นว่าเลิกกันไปเลย ผู้ชายเขาก็เสียใจร้องไห้ เพราะเขารู้สึกผิด แต่ตัวหนูไม่ได้เสียใจนะกับความรักครั้งนั้น

จากความรักที่เอาแต่ใจ แต่เมื่อเจอคนนี้เป็นความรักครั้งหนึ่งของเจนิสที่ต้องฝืนความเป็นตัวเองสุดๆขนาดนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้างในความรักครั้งนั้น ?



เริ่มต้นจากที่เพื่อนเราไปจับได้ว่าคนคนนี้ที่เราคบอยู่เขาไปมีคนอื่นนะ เพื่อนเราบอกว่าเขายอมเป็นหมาเลยเพราะเขาไม่อยากให้เราโง่ เพราะเพื่อนเห็นว่าคนที่เราคบโอบผู้หญิงคนอื่นอยู่ที่ร้านเหล้า เขาก็ถ่ายรูปส่งมาให้เราดู ตอนนั้นคือเราเสียใจมากอยากพุ่งไปหาเขาตอนนั้นเลย คิดวนอยู่ในหัวมากว่าทำไมเขาทำแบบนี้  แต่เราก็คิดอีกอย่างคือ ความดีของเราน่าจะชนะทุกอย่าง เราโดนความดีครอบงำ เราคิดแค่ว่าแค่เขายกให้เราเป็นที่หนึ่งก็พอ แล้วตอนนั้นเราก็ไม่กล้าที่จะไปแหกหน้าเลย เพราะว่าเดี๋ยวเขาอยู่กับเพื่อนแล้วถ้าเขามาเห็นเราในพาร์ตตัวร้าย ดูไม่เรียบร้อย ไม่น่ารัก ไม่ดี
ตอนนั้นคือก็ร้องไห้อดทนอดกลั้น คิดว่าจะทำยังไงดี พูดยังไงดี เตรียมตัวเตรียมใจ รอไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอถึงเช้าเราก็ถามเขาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาก็บอกว่าเธอไม่เห็นเหรอก็ยังกันตรงขอบราวก็แค่เอามือไปเท้าไว้ กลัวเขาตก เพื่อนเธอตั้งใจที่จะปั่นเราเขาไม่ชอบอะไรเราสองคนแน่ๆเลย เขาก็จะมีวิธีการพูดของเขา ซึ่งเขาก็ทำให้เราเชื่อค่ะ เพราะโดนครอบงำอยู่ตอนนั้น


มันมาสิ้นสุดตรงไหน ที่รู้สึกว่าความจริงมันไม่ใช่เลย ?
อยู่มาวันหนึ่ง ก็คือคบปกติเลยเลยนะคะ อยู่ๆเขาก็หายไป โทรไปก็ไม่รับ คือพอเขาไม่รับเราก็ตกใจว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่าเราก็โทรหาเพื่อนรอบข้างว่าเป็นอะไรไหม แล้วน้องชายก็มาบอกว่าเจอแฟนเรานะอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งส่วนมากเดินจับมือกันอยู่ ก็คือสรุปแล้วที่เขาหายไปเรากังวลใจเป็นสิบๆวันสรุปแล้วเขามีคนอื่น

ในที่สุดก็ได้มาเจอกับรักที่ลงตัว เจอกันได้ยังไง?



ตอนนั้น พอเราเลิกกับแฟนก็มีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดี๋ยวกันเขาเป็นแม่สื่อแม่ขักให้พอรู้ว่าเราโสด พี่เขาก็ทักมาหาเราเราก็บอกว่าจะให้ไลน์เราไปกับคนที่คบอยู่ปัจจุบันนะ พอสองสามวันเขาถึงทักมา เราก็รู้สึกคนนี้มีฟอร์มจังเลย พอเขาแอดมาเขาก็คุยถามเราของเรา ว่าเราชอบอะไร คนนี้ปัจจุบันที่คบเขาค่อยๆละลายพฤติกรรมแม้กระทั่งเวลาเขาพาไปเจอเพื่อนเขาไม่ได่พาไปแบบเจอคนเยอะๆ เขาพาไปเจอทีละคน เขารู้สึกว่าไม่อยากให้เราเกร็ง เขาก็แบบให้เกียรติเรามากไม่แตะเนื้อต้องตัวเราเลย ไม่เป็นคนที่ฉาบฉวย คือคุยกันมาตั้งนานทำไมพี่ถึงไม่จับมือเราเลยเรายังอยากไปจับมือเขาเลย

คนนี้ก็มาเปิดโลกให้เจนิสอีกแล้ว ?

คนนี้เขามาเปิดโลกเราอีกแล้ว คนนี้พาหนูไปผับ หนูไม่เคยเข้าผับเลย มันทำให้เรามีความรู้สึกตื่นเต้น สนุกมากค่ะ แต่เขาดูแลเราดีมากทุกอย่างปลอดภัย ส่งถึงบ้าน สองวันแรกที่เขาพาหนูไปผับหนูก็อ้วกในรถเขา หนูก็พังเลยค่ะ หนูเป็นตัวเองมากอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวอะไรเลยมาส่งเราที่บ้านอีกด้วยซ้ำ เขายังเปิดโลกพาเราไปเที่ยวหัวหิน เขาก็ถามว่าเราไปอยู่ไหนมา คือว่าเราไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากกลับที่ตรัง กรุงเทพฯ แล้วก็อยู่หอ เขาก็พาเราไปเปิดโลก คือเราแฮปปี้มาก ทำให้เราถูกในคนนี้มาก

ไม่ใช่เขาที่เปิดโลกให้กับเราเท่านั้น เรายังเปิดโลกให้กับเขาด้วยในเรื่องของเครื่องสำอางค์ ?

เขาน่าจะเข้าใจนะคะ หนูเวลาไปเดินห้างอะไรอย่างนี้ คือถ้าเดินผ่านโซนเครื่องสำอางค์ คือทุกแผนกรู้จักหนูหมดเลย เพราะเวลาเราไปซื้อคือเราจะซื้อเยอะมาก ซื้อทีเราซื้อเป็นแสนแต่หลายแบรนด์รวมกันนะคะ คือเราชอบเครื่องสำอางค์เยอะมาก

กับคนนี้เกือบจะไม่ทะเลาะอะไรกันเลยยกเว้นเรื่องแต่งหน้า ?

ใช่ค่ะ คือถ้าวันนี้จะไปเที่ยวกันแล้วเขาขับรถมารับ เขาต้องมานั่งรอเราแต่งหน้า เราก็ชอบเติมโน้นนิดนี่หน่อย คือการแต่งหน้ามันคือศิลปะนะคะ คือเห็นที่แต่งน้อยๆแบบนี้ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเลยค่ะ เพราะเราแต่งไปลบไป เติมจนกว่าจะพอดี คิ้วต้องให้เป็นธรรมชาติ เพราะหนูอินหนูชอบ แต่เพราะเราชอบแต่งหน้า มันก็เลยเกิดเป็นเรื่องราวให้ได้ทะเลาะกัน เพราะหนูเป็นคนไม่ตรงเวลาเพราะเวลาเรานัดกับเขาให้เขามารับเขาต้องมารอตลอด แต่อยู่ตรงสิ่งที่เราชอบเราอินแล้ว เราก็อยากเติมแต่งให้เท่าที่เราต้องการ พอเรทบ่อยๆเขาก็บอกเราว่า เธอต้องเปลี่ยนนะเธอจะแต่งอเไรขนาดนั้น อย่างลิปสติกหนูไม่เคยทาสีเดียวเลยต้องเอามาผสมกัน 4-5 สี

กับแฟนคนนี้ ถ้าเลี่ยงได้คือเลี่ยงจะไม่ดูการแสดงละคของเรา เขามีเหตุผลให้เรายังไง ?

การที่เรามาเล่นอะไรแบบนี้มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไร มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คนเป็นแฟนกันเขาก็หวงก็ห่วง เขาก็หึงว่าเธอทำไมเล่นบทแรงจัง เธอจูบกับผู้ชายคนอื่นถ้าเป็นเราล่ะ เราก็บอกว่าเธอจะไปจูบกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ คือ เขาก็โอเค แต่เขาคือให้เกียรติเรามาก เธอเราทำงานนะ เราเป็นอีกคนนะ เขาก็เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ดูงานของเรา