"บิ๊กป้อม"สั่งเร่งสร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำในพื้นที่ EEC

2020-08-24 11:13:32

"บิ๊กป้อม"สั่งเร่งสร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำในพื้นที่ EEC

Advertisement

"บิ๊กป้อม" กำชับ สทนช. กรมชลประทาน ร่วมกันพัฒนาสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่ EEC

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง ร่วมรับฟังการบริหารราชการ และติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ณ ศาลากลางจังหวัดระยอง 

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการ จ.ระยอง ที่ร่วมกันดูแลพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่ที่ผ่านมา โดยย้ำถึงความสำคัญของ จ.ระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การเกษตรและการบริการของภาคตะวันออก ที่ต้องบริหารจัดการและการจัดระเบียบสังคมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกันไปอย่างสมดุล ทั้งนี้ได้กำชับ ขอให้มีมาตรการและตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ในแรงงานภาคอุตสาหกรรมและภาคประมง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินทางไปติดตามการบริหารจัดการน้ำเพื่อความมั่นคง ณ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ.ปลวกแดง ซึ่งในภาพรวมมีความคืบหน้าไปมาก โดย กำชับให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( สทนช.)  และกรมชลประทาน ร่วมกันพัฒนาสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( EEC ) ให้เป็นไปตามแผน อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องบูรณาการรองรับการขาดแคลนน้ำของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกในฤดูแล้งควบคู่กันไปในภาพรวม โดยเฉพาะกับ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองระยอง อ.บ้านค่าย และ อ.ปลวกแดง ที่ประสบทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในแต่ละปี

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ย้ำการแก้ปัญหาความเสี่ยงขาดแคลนน้ำภาคตะวันออก โดยขอให้เตรียมมาตรการระยะเร่งด่วน ช่วยกระจายแบ่งปันน้ำให้ทั่วถึงทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม โดยให้ระบายน้ำและผันน้ำระหว่างแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ เช่น จากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงไปยังอ่างเก็บน้ำบางพระ จากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่และแม่น้ำระยองไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวมทั้งการพิจารณานำน้ำจากคลองหู มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สำหรับมาตรการระยะยาว ขอให้ปรับปรุงฝายบ้านวังใหม่ จ.จันทบุรี และระบบท่อส่งน้ำและระบบชลประทาน ให้สามารถรองรับการสูบผันน้ำกลับจากพื้นที่น้ำมากไปยังพื้นที่น้ำน้อย โดยพยายามไม่ให้น้ำไหลลงทะเลอย่างสูญเปล่า รวมทั้งให้เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ ทั้งใน จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาการขาดแคลนน้ำดังกล่าว