"นิพนธ์"รุดตรวจเยี่ยมน้ำท่วมน่าน ย้ำความปลอดภัยในชีวิตต้องมาก่อน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย นายนราพัฒน์ แก้วทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวรกิตติ ศรีทิพากร ผวจ.น่าน และคณะ ลงพื้นที่ อ.เวียงสา และ อ.ท่าวังผา จ.น่าน เพื่อติดตามสถานการณ์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุโซนร้อน"ฮีโกส" พร้อมทั้ง เยี่ยมเยียนพี่น้องผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำไหลหลากทำความเสียหายให้แก่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
นายนิพนธ์ กล่าวว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ มี 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ภูเพียง อ.เวียงสา อ.ท่าวังผา อ.ปัว และอ.เฉลิมพระเกียรติ มีครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 300 ครัวเรือน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้เข้าดูจุดบ้านเรือนประชาชนทรุดตัว ในเขต ต.นาปัง อ.ภูเพียง และจุดน้ำท่วมขัง ในเขต ต.กลางเวียง อ.เวียงสา เพื่อแก้ไขสถานการณ์แล้ว สถานการณ์ภาพรวมทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะนี้ยังคงต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้นายอำเภอในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ ปภ.รายงานเหตุการณ์ให้ทราบทุกระยะ ทั้งนี้ การปฏิบัติงานตามแผนเผชิญเหตุ ให้มีการประสานงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด อาสาสมัครมูลนิธิในพื้นที่ ขณะเดียวกันในแผนอพยพไปยังจุดที่ปลอดภัยนั้น ให้ประสานงานร่วมองค์กรปกครองท้องถิ่น จัดหา อาหาร ของใช้ที่จำเป็น ในการดูแลพี่น้องประชาชนในจุดอพยพพักพิงดังกล่าว นอกจากนี้ ให้ประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลทรัพย์สินในบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ขอฝากเตือนในเรื่องความปลอดภัยพี่น้องประชาชนในพื้นที่น้ำหลากทุกจุด เพราะมีหลายจุดกระแสน้ำไหลผ่านมีความรุนแรงอย่างมาก เนื่องจากเป็นน้ำที่ไหลลงจากภูเขาสูง ดังนั้น ในพื้นที่ใดที่บ้านเรือนพี่น้องประชาชน อยู่ในจุดเป็นริมฝั่งแม่น้ำ รวมทั้ง ในพื้นที่เชิงเขาให้ระมัดระวัง และให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมจุดอพยพที่ปลอดภัย รวมทั้ง ให้ระมัดระวังกระแสน้ำจากแนวเขาสูงที่เปลี่ยนทิศทางไหลของน้ำ อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดอันตราย ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดสาธารณภัยคือการรักษาชีวิตไว้ให้ได้
ทั้งนี้นายนิพนธ์ และคณะ ได้ร่วมกันมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ให้แก่พี่น้องประชาชนในเขต อ.ท่าวังผา และ อ.เวียงสา อีกหลายร้อยชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในเบื้องต้นอีกด้วย